ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสามัญ กรมราชทัณฑ์ มีมติพิจารณาลงโทษข้าราชการกรณีกระทำผิดวินัย 14 คน โดยความผิดที่ลงโทษไล่ออกข้าราชการมีทั้งหมด 13 คน ประกอบด้วยความผิดต่างๆ ดังนี้
- ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อกันเกินกว่า 15 วัน
- เรียกรับผลประโยชน์จากการจับกุมโทรศัพท์มือถือจากผู้ต้องขังแล้วส่งคืน โดยไม่รายงานผู้บังคับบัญชา
- ไม่นำเงินผลพลอยได้ฝากเข้าบัญชีธนาคาร 14 ครั้ง เป็นเงิน 601,202 บาท
- มีส่วนรู้เห็นและได้ประโยชน์จากการไม่ตรวจค้นเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้สามารถลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำ
- ดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ เงินเดือน ค่าตอบแทนพนักงานราชการ จำนวน 4,995,037 บาทโดยทุจริต
- มีส่วนรู้เห็นและได้ประโยชน์จากการปล่อยให้ผู้ต้องขังลักลอบจำหน่ายสินค้าในเรือนจำโดยใช้เงินสด
- มีส่วนรู้เห็นและได้ประโยชน์จากการจำหน่ายพระเครื่องในเรือนจำ
- มีส่วนรู้เห็นและได้ประโยชน์จากการเก็บส่วยเปิดบ่อนการพนันในเรือนจำ
- รู้เห็นเป็นใจให้ผู้ต้องขังชายลักลอบเข้าไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ต้องขังหญิงในแดนหญิง
- มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือและยาเสพติดเข้าเรือนจำ
- นำสุราไปให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ เพื่อแลกกับเงินจำนวน 2,000 บาท
- เรียกรับผลประโยชน์จากญาติผู้ต้องขัง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ
นอกจาก 13 ข้าราชการที่มีคำสั่งไล่ออก ยังมีข้าราชการที่ถูกให้ออกจากราชการอีก 1 คน ซึ่งมีความผิดฐานประพฤติตนมีมลทินหรือมัวหมอง กรณีที่ถูกสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นและได้ประโยชน์จากการนำเงินสดและแหวนทองเข้าเรือนจำ
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้นิ่งเฉยต่อการกระทำของบุคคลเหล่านี้ จึงมีมติพิจารณาลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับข้าราชการอื่นๆ ตลอดจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมภายนอกในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ต่อไป