วันนี้ (5 ธ.ค.2560) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ในฐานะกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กล่าวว่า จากการรับฟังวิสัยทัศน์ และซักถามของผู้ผ่านเกณฑ์ทั้ง 15 คน คณะกรรมการสรรหาฯได้ประชุม และลงคะแนนโดยเปิดเผยเลือกผู้ที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560
ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต้องได้คะแนน 2 ใน 3 ของจำนวนณะกรรมการสรรหา ซึ่งกรรมการสรรหาฯได้ลงคะแนนในรอบแรก ได้ผู้ที่เหมาะสมจำนวน 4 คน จากนั้นได้มีการลงคะแนนในรอบที่ 2 คัดเลือกจากผู้ที่ได้รับคะแนนในรอบแรกแต่มีคะแนนไม่ถึง 2 ใน 3 โดยมีจำนวน 5 คน โดยวันที่ 7 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการสรรหาฯ จะหารือเพื่อรับรองมติการประชุมครั้งนี้ เพื่อเสนอให้สนช.พิจารณาต่อไป
สำหรับรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง กกต. ประกอบด้วย นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วรวิสิฏฐ์ จำกัด และหัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ และนายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี
คนดีเด่นดังไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ
สำหรับผู้สมัครเข้ารับการสรรหาซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า อยู่ในกลุ่ม ดีเด่นดัง แต่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ เช่น พลตำรวจเอกวรพงษ์ ชิวปรีชา อดีตรอง ผบ.ตร.นายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าฯนครศรีธรรม ราช และพลโทพีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร รักษาการ กกต.เห็นว่า เป็นผลมาจากการกำหนดคุณสมบัติสูง หรือ สเปคเทพ โดยเฉพาะมาตรา 8 วงเล็บ (ก) ที่กำหนดเรื่องการรับราชการและเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดี หรือ หัวหน้าส่วนราชการไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งการตีความลักษณะนี้ ทำให้ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการจัดการเลือกตั้งมีผลงานเป็นที่ยอมรับ ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ
สำหรับ กกต.ตามกฎหมายฉบับใหม่ มีทั้งหมด 7 คน โดยมาจากกรรมการสรรหา 5 คน และจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาอีก 2 คน