วานนี้ (17 ธ.ค.2560) นางนงลักษณ์ ขวัญแก้ว รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์เตรียมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือครม. ในวันพรุ่งนี้ (19 ธ.ค.) เพื่อขอความเห็นชอบกฎกระทรวง ออกตาม พ.ร.บ.เงินตรา ในการผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ โดยที่ผ่านมาได้รับพระบรมราชานุญาต จากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้พระราชทานแบบเหรียญมาแล้วให้ดำเนินการผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่จะมี 9 ชนิดราคา ประกอบด้วย เหรียญ 10 บาท 5 บาท 2 บาท 1 บาท 50 สตางค์ 25 สตางค์ 10 สตางค์ 5 สตางค์ และ 1 สตางค์ โดยลวดลายด้านหน้า และด้านหลังจะเหมือนกันทั้งหมด ด้านหน้าเหรียญ เป็นพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และมีราคากำกับวัสดุโลหะในการผลิต ขนาด รูปทรงเหมือนเหรียญปัจจุบัน คาดว่าจะเริ่มทยอยออกใช้ในระบบได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 เพื่อทดแทนของเดิม
ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ยืนยันว่า เหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ จะไม่กระทบกับเครื่องที่ใช้เหรียญจ่ายแลก เช่น รถไฟฟ้า เพราะขนาด รูปทรง น้ำหนักเหมือนเดิมทั้งหมด ขณะที่จำนวนเหรียญที่ผลิตปีหน้าจะเท่าเดิมที่ 1,800 ล้านเหรียญ โดยเหรียญหายไปจากระบบประมาณร้อยละ 5 เพราะประชาชนบางส่วนเก็บสะสมไว้ และเมื่อเหรียญรุ่นใหม่ออกมา คาดว่าเหรียรุ่นเดิมจะทยอยหมดไปจากระบบภายใน 5-10 ปี
อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังคาดว่า การทยอยจ่ายแลกเหรียญชุดใหม่ น่าจะออกใช้พร้อมกันกับธนบัตรชุดใหม่ ซึ่งกระบวนการคงต้องรอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจงความพร้อมในการจ่ายแลกอีกครั้ง พร้อมระบุว่า ต้นทุนในการผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่และทุกชนิดราคายังคุ้มทุนอยู่ ยกเว้นเหรียญกษาปณ์ราคาต่ำกว่า 50 สตางค์ เป็นต้นไป ที่ต้นทุนการผลิตอาจจะสูงกว่าราคาของเหรียญ
สำหรับทิศทางแนวโน้มที่จะเป็นสังคมไร้เงินสดในอนาคตเชื่อว่าการผลิตเหรียญกษาปณ์จะทยอยลดลง จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 30,000 ล้านเหรียญในระบบ