วันนี้ (12 ม.ค.2561) นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ขณะนี้กรมป่าไม้ ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ทส.เพื่อลงนามในประกาศกฎกระทรวงเรื่องยุบด่านป่าไม้ ของกรมป่าไม้ทั่วประเทศ เหลือเพียง 25 ด่าน โดยแบ่งเป็นด่านพื้นที่ในภูมิภาค 24 ด่าน และในกรุงเทพมหานคร 1 ด่านจากเดิมที่มีทั้งหมด 284 ด่านโดยยุบไปจำนวน 257 ด่าน
รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เหตุผลเพื่อนำกำลังคนจากด่านที่ไม่จำเป็นและกระจายอยู่ทั่วประเทศมาเสริมกำลังทางด้านการป้องกันปราบปรามในด่านที่เหลืออยู่ และต้องทำงานร่วมกับศุลกากร ในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าไม้ และยังเตรียมรองรับภารกิจการส่งออกไม้ที่กรมป่าไม้พยายามส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ ซึ่งในอนาคตไทยอาจต้องส่งไม้ปลูกส่งออกไปนอกประเทศ
เกณฑ์การคัดเลือกส่วนใหญ่ยังคงด่านที่มีการส่งไม้เข้ามารวม 25 ด่าน เป็นด่านตามแนวชายแดนในจังหวัดใหญ่ ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น จ.เชียงราย ตาก น่าน แพร่ ส่วนภาคใต้ เช่นด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย สุไหงโก-ลก ด่านป่าไม้ระนอง ด่านชายแดนไทย-ลาว เช่น ด่านท่าลี่ ด่านป่าไม้บึงกาฬ ด่านป่าไม้หนองคาย ซึ่งด่านทั้งหมดมีระบบ NSW เทคโนโลยีในการตรวจสอบนำเข้าไม้และและเคลื่อนที่ไม้ รองรับไว้แล้ว
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีคดีที่จับได้จากด่านป่าไม้ที่ตั้งอยู่เลย เพราะผู้ลักลอบกระทำผิดลักลอบขนไม้จะใช้ถนนรอง และมีการอำพรางรูปแบบต่างๆ ในตู้คอนเทนเนอร์ ผ่านจุดผ่านแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ยังมองว่าจะช่วยล้อมคอกแก้ปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการนำเข้าไม้ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจจะมีอยู่บ้างที่เคยมีการร้องเรียน จนถูกตั้งกรรมการสอบ ทำให้เสียภาพพจน์ แต่จากนี้ไปจะไม่มีแล้ว
รองอธิบดีกรมป่าไม้ ยืนยันว่า การยุบด่านป่าไม้จะไม่ส่งผลกระทบกับการป้องกันควบคุมการลักลอบขนไม้อย่างแน่นอน เพราะภารกิจของด่านป่าไม้ที่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 เป็นการอำนวยความสะดวกของการนำเข้าไม้จากต่างประเทศให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้มีภารกิจการป้องกันปราบปรามโดยตรง
นายอรรถพล กล่าวว่า การยุบด่านครั้งนี้เหลือเพียง 25 ด่านมีการคาดโทษชัดเจนว่าจะต้องไม่ให้เกิดการเรียกรับประโยชน์อย่างเด็ดขาด บุคคลใดฝ่าฝืนจะตั้งกรรมการสอบ ลงโทษทางวินัย และย้ายออกจากพื้นทีทันที ขณะนี้มีการทำงานเชิงลึกทั้งตัวผู้ประกอบการนำเข้าไม้ และตัวหัวหน้าด่านที่จะมาทำหน้าที่ ซึ่งคัดเลือกคนที่เก่งและเหมาะสม จะไม่ให้นั่งทำงานประจำด่านนั้นนานเกินเพราะจะกลายเป็นช่องที่สร้างความสนิทสนมกับกลุ่มประโยชน์
ขณะที่ปัจจุบันยังมีการนำเข้าไม้จากประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องผ่านด่านเฉลี่ยปีละ 200-300 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยมากสุดผ่านมาด่านมาเลเซีย แหลมฉบัง และท่าเรือคลองเตย จำนวนนี้เป็นไม้สักประมาณร้อยละ 10 ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มไม้กระยาเลย ไม้เต็ง ไม้ยาง