วันนี้ (6 ก.พ.2561) กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจ วิพากษ์วิจารณ์ และพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้ จากกรณี นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี เข้าจับกุม พร้อมพวกรวม 4 คน ขณะตั้งแคมป์พักภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร แถมพบซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง พร้อมอาวุธปืนอีกจำนวนหนึ่ง
สื่อสังคมออนไลน์ ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ทั้งต่อว่าผู้กระทำผิด และชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถปฎิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา และกล้าหาญ
เฟซบุ๊ก WWF-ประเทศไทย ได้โพสต์ภาพขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม พร้อมข้อความระบุว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ อช.ทุ่งใหญ่ตะวันตก และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ในการดำเนินการตรวจจับอย่างเข้มแข็งและจริงจัง ขอบคุณ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ช่วยปกป้องและอนุรักษ์สัตว์ป่าของเราไว้ ที่สำคัญเราหวังว่าจะมีการดูแลและสอบสวนอย่างเข้มงวดเพื่อเป็นตัวอย่างสำคัญสำหรับผู้ลักลอบ ล่า-ค้า-ขาย สัตว์ป่า
ทั้งนี้ในฐานะองค์กรที่ทำงานด้านอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม WWF-ประเทศไทยรู้สึกเสียใจ ที่ต้องเห็นภาพสัตว์ป่าถูกล่า และฆ่าทิ้งด้วยน้ำมือมนุษย์ ดังที่เกิดขึ้นนี้ และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคน เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ป่า หากพบ หรือสงสัยการค้า-ล่า-ครอบครองสัตว์ป่า แจ้งได้ที่โทร 1362
เช่นเดียวกับ เฟซบุ๊กของ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์ข้อความชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ชื่นชมและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ และขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล อย่างได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของผู้ต้องหา ขอให้สืบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อไป
ด้านนักวิชาการชื่อดัง "ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์" รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าวว่า
"ในฐานะคนที่ชื่นชมความสง่างามของเสือมาตั้งแต่เด็ก และในฐานะที่ปรึกษากรมอุทยานอย่างเป็นทางการในปัจจุบัน ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เงียบแน่ และมั่นใจว่ากรรมการอุทยานแห่งชาติอย่างศศิน ดร.ธรรมศักดิ์ ดร.อานนท์ และกรรมการท่านอื่นๆ คงช่วยติดตามเรื่องนี้จนถึงที่สุด
ผมมั่นใจในการดำเนินงานของกรมอุทยานในยุคนี้ และการจับกุมครั้งนี้ยืนยันว่าผมคิดไม่ผิด บทลงโทษทางกฎหมายอาจต้องใช้เวลา แต่หากทุกอย่างชัดเจน บทลงโทษทางสังคมจะรุนแรงยิ่งกว่า และภาพลักษณ์ขององค์กรที่สะสมมายาวนาน ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ คงยากที่จะเรียกความเชื่อมั่นของผู้คน สังคมยุคนี้ไม่ให้อภัยคนทำร้ายธรรมชาติครับ"
ขณะเดียวกันกระแสโซเซียลยังตั้งข้อสังเกต การทำงานของกรมอุทยานฯ และการดำเนินคดี โดยเฟซบุ๊ก "Charlee Waradee" ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว ว่า
ผมไม่ทราบว่า โทษจะหนักขนาดไหน ติดคุกหรือปรับเป็นเงินเท่าไหร่ แต่บอกได้คำเดียวว่า คนเลวที่กระทำเรื่องระยำพวกนี้ ต้องได้รับการชดใช้! นักข่าวควรไปตามขุดคุ้ยมาว่า ผู้ใหญ่ในกรมกองใด อนุญาตให้ผู้บริหาร อิตาเลียนไทยและพวก เข้าไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีใคร กลุ่มไหนบ้าง ขั้นตอนเป็นอย่างไร หนังสือขออนุญาตอยู่ที่ไหน ได้มีการพิจารณาไปตามหลักเกณฑ์เหมือนคนปกติทั่วไปหรือไม่ เพราะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ ซึ่งเป็นผืนป่ามรดกโลก ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ใช่ว่าจะเข้านอกออกในได้ง่ายๆ
ด้วยเป็นพื้นที่เข้มงวดมากกว่าอุทยานแห่งชาติหลายเท่านัก ต้องทำเรื่องทำหนังสือขออนุญาตเป็นขั้นเป็นตอน ใช้เวลาพิจารณาพอสมควร และต้องบอกจุดประสงค์ที่ชัดเจน ยิ่งไปตั้งแคมป์กลางป่าซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด
...เหิมเกริมขนาดนี้ ต้องมีใครสักคนเป็นแบ็คอัพใหญ่ อยากให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบว่า มีการทำหนังสือทำเรื่องของใช้พื้นที่อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่ ใช้หลักเกณฑ์ใดพิจารณาอนุมัติ เชื่อว่านี่...กรณีนี้ไม่ใช่เพิ่งมีขึ้นอย่างแน่นอน!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง