นายปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและส่งเสริมความรู้ผู้ลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า จากข้อมูลที่ปรากฏในข่าว กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ยังต้องมีกระบวนการในการพิจารณาตามกฎหมาย สำหรับการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนั้น ตามกฎหมายหลักทรัพย์ฯ คุณสมบัติของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจะพิจารณาในเรื่องการบริหารงาน ความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นมืออาชีพในการดำเนินกิจการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีส่วนใดเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียน
ด้าน ดร.บัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ระบุว่า เท่าที่ติดตามจากข่าวน่าจะเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้ก็คงต้องรับผิดชอบไปตามกระบวนการยุติธรรม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการ คงต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้คณะกรรมการของบริษัททราบ เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาดำเนินการตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท และข้อกำหนดจรรยาบรรณผู้บริหารและพนักงานของบริษัท
ทันทีที่ปรากฎข่าวการจับกุมนายเปรมชัย ราคาหุ้น ITD เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2561 ลดลงต่ำสุดที่หุ้นละ 3.64 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 3.72 บาท ติดลบ 0.14 บาท หรือลดลง 3.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 330 ล้านบาท ถือว่าเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งนอกเหนือจากการปรับตัวตามสภาพตลาดแล้ว บางส่วนคาดว่ามีปัจจัยเสริมจากกรณีที่ผู้บริหารใหญ่ขององค์กรอย่างนายเปรมชัยถูกจับกุม และเกิดกระแสวิจารณ์ในวงกว้างอยู่ขณะนี้
โดยหนึ่งในกระแสที่วิจารณ์ในขณะนี้ก็คือบรรษัทภิบาลของอิตาเลียนไทย 2561 ที่ระบุไว้ว่า ผู้บริหารต่อสังคมส่วนรวม ในการที่จะไม่กระทำการใดๆ ที่จะมีผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม ซึ่งก็มีคนนำไปโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ และทำให้มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายถึงความไม่เหมาะสมของผู้บริหารเบอร์ 1 ขององค์กร ที่ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบล่าสัตว์ป่าสงวน
ทั้งนี้ นายเปรมชัย เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ในสัดส่วนร้อยละ 14.88 ขณะเดียวกันก็ดำรงตำแหน่งกรรมการ (บอร์ด) และประธานบริหารบริษัทฯ อีกด้วย โดย ITD จัดเป็นผู้รับเหมาเบอร์ 1 ของประเทศไทย มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 300,000 ล้านบาท
สำหรับ ITD จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท ในปี 2537 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 6,337.92 ล้านบาท ชำระแล้ว 5,279.84 ล้านบาท มีมูลค่าตลาด 83,000 ล้านบาท