มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยเดือนธันวาคม 2560 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จาก 2,400 ตัวอย่าง ทั้งประชาชน ภาคเอกชนและภาครัฐ พบว่า คะแนนดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยลดลง จาก 53 คะแนน มาอยู่ที่ 52 คะแนน และดัชนีแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชันไทยในอนาคตก็แย่ลงด้วย
ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า สถานการณ์คอร์รัปชันมีแนวโน้มกลับมารุนแรงเพิ่มขึ้น จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่จะมีการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้เอกชนพยายามหาช่องทางจ่ายใต้โต๊ะเพื่อให้ได้งาน
ผลสำรวจพบว่าในเดือนธันวาคม 2560 มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะของเอกชนแก่หน่วยงานรัฐและนักการเมืองเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยจ่ายที่ร้อยละ 5-15 ของมูลค่าโครงการ จากเดิมร้อยละ 1-15 ซึ่งอาจสร้างความเสียหายได้ถึง 1-2 แสนล้านบาท
นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ระบุว่า ช่องว่างที่ทำให้เกิดการทุจริตคือ การบังคับใช้กฎหมายที่ขาดประสิทธิภาพ พร้อมเสนอให้ผู้นำรัฐบาลเป็นแบบอย่างที่ดีในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
ส่วนกรณีที่มีผู้นำภาครัฐถูกกล่าวหาถึงความไม่โปร่งใส เช่น การยืมเงินหรือทรัพย์สินของเพื่อน เชื่อว่าหากร่างกฎหมายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. หากมีผลบังคับใช้จะช่วยให้การตีความชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จะมีการประเมินคะแนนการแก้ปัญหาคอร์รัปชันของโลกประจำปี 2560 ในวันที่ 21 ก.พ.2561 และจากการประเมินในปี 2559 พบว่าไทยได้คะแนนลดลง จากคะแนนที่ 38 มาอยู่ที่ 35 ส่งผลให้ตกจากอันดับที่ 76 มาอยู่ที่ 101 จากทั้งหมด 176 ประเทศ