วันนี้ (22 ก.พ.2561) ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยข้อมูลการศึกษาขบวนการตกหวย หลังจากลงพื้นที่สัมภาษณ์และติดตามพฤติกรรมการตกหวยหลายคดี พบว่ามีลักษณะคล้ายขบวนการตกทอง แต่แตกต่างกันที่ความเปราะบางของเหยื่อ
ขบวนการตกทอง เกิดจากความโลภของเหยื่อที่ต้องการได้ของที่มีมูลค่าสูงขึ้น แต่ขบวนการตกหวย ไม่ใช่ความโลภของเหยื่อ แต่เป็นการตัดความรำคาญของเหยื่อ และเหยื่อไม่รู้สึกผูกพันกับจำนวนเงินที่ได้มาเพราะเป็นเงินจากการเสี่ยงโชค
ขบวนการตกหวยจะมีตัวละครหลัก 3 ตัว ได้แก่
1.คนแอบอ้างว่าถูกรางวัล ต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับพ่อค้าแม่ค้าทั้งระดับเล็กและใหญ่ ต้องมีความสามารถในการพูดและเจราจาพอสมควร
2.พ่อค้า แม่ค้า ทำหน้าที่พยานซึ่งอาจมีหลายคน เพราะมีต้นขั่วสลากฯ
3.เจ้าหน้าที่รัฐ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจา ไกล่เกลี่ย และอาจจะถึงขั้นข่มขู่เพื่อให้เหยื่อยอมแบ่งเงิน
ขบวนการตกหวย จะใช้วิธีแอบอ้างว่าหวยที่ถูกรางวัลเป็นของตัวเอง โดยมีพ่อค้าแม่ค้าเป็นพยาน และใช้การข่มขู่กดดันเหยื่อให้ยอมแบ่งเงินจำนวนหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ ผู้บังคับใช้กฏหมาย จนเหยื่อรู้สึกว่าไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องถึงการดำเนินการในชั้นศาล จึงยอมแบ่งเงินให้ แม้รางวัลนั้นจะเป็นของตน
ร.ต.อ.จอมเดช ระบุว่า ขบวนการตกหวยทำได้สำเร็จ เพราะคนไทยไม่เชื่อมั่นในขบวนการยุติธรรมและกลัวจะสูญเสียเงินทั้งหมด
“คนไทยชอบตัดความรำคาญ ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล หากต้องขึ้นศาลแล้วแพ้จะทำยังไง เพราะทางนั้นยืนยันว่าเขามีคนรู้จัก มีพยาน เหยื่อมักจะคิดว่าแทนที่จะมีโชคก็กลับไปมีทุกข์ งั้น จบๆ ละกัน เอาไป 5-10 ล้านบาท”
ร.ต.อ.จอมเดช กล่าวว่า ขบวนการตกหวยจะใช้พยานบุคคลในการต่อสู้ในชั้นศาล เมื่อทุกคนยืนกรานในลักษณะเดียวกันหมดโอกาสชนะย่อมมีสูง แม้จะไม่มีพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงกล้าเสี่ยงที่จะทำการตกหวย เพราะโอกาสติดคุกมีน้อยและโทษของการแจ้งความเท็จไม่รุนแรง
“โทษแจ้งความเท็จ โทษต่ำมากคือ 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท ซึ่งโทษเบามาก งานนี้มีแต่เสมอตัวกับกำไร มันคุ้มมากนะครับที่จะทำ แต่ถ้าเขาจะสูญเสียก็คือระยะเวลาและชื่อเสียง”
ร.ต.อ.จอมเดช กล่าวทิ้งท้ายว่า คนที่จะทำขบวนการตกหวยได้ ต้องเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการฉ้อโกง