ชาวบ้านใน อ.ปัว จ.น่าน บอกเล่ากับทีมข่าวไทยพีบีเอส ว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2559 ได้จัดกิจกรรมทอดกฐิน ส่วนหนึ่งของเงินทอดกฐินได้รับการบริจาคจากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สอดคล้องกับสถานที่ภายในวัด เมื่อตรวจสอบดูพบว่ามีศาลานั่งพักภายในวัดภูเก็ต ปรากฎชื่อนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ สร้างเมื่อปี 2559
ก่อนมีศาลาวัด ชาวบ้านได้รับแจ้งจากผู้บบริหารระดับสูง พร้อมด้วยคนใกล้ชิดผู้บริหาร ว่ามีงบประมาณจะให้หมู่บ้านแห่งนี้ 50,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่าต้องขอบัตรประชาชนจากชาวบ้าน เพื่อใช้เบิกจ่ายงบประมาณ
ไม่เพียงแต่คำบอกเล่าจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น แต่ข้อมูลนี้ตรงกับคำบอกเล่าของอีกหลายคน เช่น แม่บ้านวัดที่รับจัดงานทอดกฐิน ระบุว่า เธอได้รับเงิน 50,000 บาท จากนางพรทิพย์อีกทอดหนึ่ง และเป็นผู้รวบรวมบัตรประชาชนเพื่อเบิกจ่ายเงิน
เมื่อสอบถามว่า ทราบหรือไม่ว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินช่วยเหลือเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ให้กับผู้มีรายได้น้อย ผู้ไร้ที่พึ่งและคนเร่ร่อน ซึ่งชาวบ้านทุกคนบอกว่าไม่ทราบมาก่อน แต่ทราบข้อมูลหลังจาก ป.ป.ท.ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริต เพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาเพียงแต่เซ็นเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน
เช่นเดียวกับนางศดานัน เนตรทิพย์ เป็นหนึ่งในผู้ให้สำเนาบัตรประชาชน ก็ไม่ทราบว่าเป็นเงินช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง เธอระบุอีกว่า เฉพาะกลุ่มทอผ้าที่หมู่บ้านเก็ต มีสมาชิกหมู่บ้านกว่า 74 คนและรายได้เฉพาะจากการทอผ้าขั้นต่ำตกเดือนละ 10,000 - 30,000 บาท ยังไม่รวมรายได้จากการจำหน่ายสินค้า นั่นหมายถึงไม่เข้าหลักเกณฑ์เป็นคนยากจนหรือไร้ที่พึ่ง
เมื่อสอบถามจากผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึง จ.น่าน เพื่อถามถึงความผิดปกติการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้รับคำตอบว่า มีคำสั่งจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สั่งให้งดการให้ข่าวและให้รอแถลงความชัดเจนจากกรมและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เท่านั้น