วันนี้ (8 มี.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทยพีบีเอสและกรมการจัดหางานได้ข้อมูลจากสายลับว่า วันนี้ แรงงานไทยในคราบนักท่องเที่ยว จำนวน 12 คน จะเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยสายการบินระหว่างประเทศ ทีมงานติดตามแรงงานกลุ่มนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงสนามบินดอนเมืองและเป็นตามข้อมูลจากสายลับที่รายงานว่า จะมีชายคนหนึ่งปรากฏตัวตามที่นัดหมายโดยเขาได้แนะนำให้แรงงานจัดกระเป๋าให้มีน้ำหนักไม่เกิน 7 กก.เพื่อหลีกเลี่ยงการโหลดกระเป๋าเพื่อเข้าเกตให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ไทย แต่วันนี้ กรมการจัดหางานก็สามารถสกัดกั้นแรงงานทั้งหมดได้ พร้อมกับนายหน้าแรงงานทั้ง 2 คน
แรงงานทั้งหมดยอมรับว่า ลักลอบเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้และซัดทอดนายหน้าทั้ง 2 คนว่าเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด นายหน้ายอมรับว่าทำอาชีพนี้มากกว่า 1 ปี โดยใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางหลักในการรับคน นายหน้าแต่ละคนมีรายได้คนละไม่น้อยกว่า 500,000 บาทต่อเดือน จากการส่งคนไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้โดยหักค่าหัวคิวแรงงานคนละ 10,000 บาท และมีบางเดือนที่เขาส่งแรงงานไปที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ถึง 120 คน ทำให้เขามีรายได้มากกว่า 1,200,000 บาท
ทั้งนี้ คนงานที่จะเดินทางไปเกาหลีใต้จะยังไม่ทราบว่าตนเองจะได้ทำงานอะไร หรือมีรายได้เท่าไหร่ ซึ่งแรงงานจะทราบก็ต่อเมื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่นายหน้าติดต่อไว้ให้แล้ว
"ผมเคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีและเมื่อกลับมาก็เห็นคนที่ไป ถูกเอาเปรียบคนละ 70,000 - 80,000 บาท หรือ 120,000 บาทบ้าง ฉะนั้น เราดูแล้วว่ามันไม่แฟร์กับการที่เขาจะเสียตรงนั้น ผมก็เลยลองหาและคิดราคาที่ 35,000 บาท และทำทุกอย่างให้รวมถึงวีซ่า เพื่อให้เขามีโอกาสผ่าน ตม.ไปได้ ที่ผมทำตรงนี้เพราะเราเคยผ่านจุดนี้มาก่อน เคยไปกู้หนี้ยืมสินมาก่อน " นายหน้าระบุ
นายโอวาท ทองบ่อมะกรูด ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดการงานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางานระบุว่า การหาคนไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้โดยผิดกฎหมายผ่านทางช่องทางออนไลน์ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ล่าสุด แรงงานทั้งหมด 12 คน เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองส่วนแยก สนามบินดอนเมือง โดยนายหน้ามีความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหางาน ล่าสุดนายหน้าทั้ง 2 คน ยอมคืนเงินทั้งหมดให้แรงงานไทย