กทม.สั่งปิดอาคารราชเทวีอพาร์ตเมนต์ หาสาเหตุเพลิงไหม้

วันนี้ (3 เม.ย.2561) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเหตุเพลิงไหม้อาคารราชเทวีอพาร์ตเมนต์ ภายในซอยเพชรบุรี 18 ย่านราชเทวี หลังเกิดเหตุเมื่อช่วงเวลา 02.30 น. โดยยังไม่สามารถระบุได้ถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ เบื้องต้นได้สั่งปิดอาคารทั้งหมดไว้ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด โดยกั้นพื้นที่ห้ามเข้าไปภายในอาคารโดยเด็ดขาดจนกว่าจะตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง และความปลอดภัยของอาคารเป็นที่เรียบร้อย

ด้านสำนักงานเขตราชเทวี ได้จัดตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือผู้อพยพชั่วคราวให้สำหรับผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อแจ้งลงทะเบียน และตรวจสอบทรัพย์สินภายในห้องว่าได้รับความเสียหายหรือไม่ และเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะเข้าตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง

สำหรับเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ มีรายงานยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน คาดว่าเกิดจากการสำลักควันไฟ โดยเป็นการเสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ บริเวณชั้น 12 จำนวน 1 คน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 คน ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นมีจำนวน 61 คน ถูกส่งเข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ โดยยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 29 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยหนัก 4 คน รอผลการรักษา 17 คนและกลับบ้านได้แล้ว 15 คน

สำหรับอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นอาคาร 15 ชั้น มีห้องพักประมาณ 180 ห้อง มีรายงานว่าต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณห้องเดินสายไฟ ชั้นที่ 5 ทำให้มีกลุ่มควันจำนวนมากกระจายไปตามช่องเดินสายไฟทั่วทั้งอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น.

การเข้าช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากอาคารดังกล่าวอยู่ในพื้นที่แออัด ซอยคับแคบ ประกอบกับมีผู้พักอาศัยจำนวนมาก จากการรายงานเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้ตกค้างภายในอาคารได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ อาคารแห่งนี้ได้รับอนุญาตก่อสร้างตั้งแต่ปี 2530 ก่อนกฎกระทรวง​ฉบับที่​ 33​ (พ.ศ.​ 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร​ พ.ศ.​2522​ ใช้บังคับ​ ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยของอาคารสูงไว้ อาคารจึงไม่ถูกบังคับให้ต้องมีระบบสปริงเกอร์ดับไฟ​ ที่ว่างรอบอาคาร​ 6​ เมตร​และถนนสาธารณะ ซึ่งต้องมีความกว้าง​10​ เมตร​ ทำให้ไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัยที่พร้อมมากนัก ซึ่งสำนักการโยธาและสำนักงานเขต​จะได้ดำเนินการตรวจสอบในรายละเอียดอื่นๆ ต่อไป