กรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอ ที่นายศักดิ์ฤทธิ์ ศรีสุนทร หนุ่มคนหนึ่งที่ร้องไห้ฟูมฟายหลังจากที่จับได้ใบแดง และต้องเข้ารับการเป็นทหารในเดือนพ.ย.นี้ และกลายเป็นกระแสเห็นอกเห็นใจ ในสื่อออนไลน์ เมื่อมีเรื่องราวส่วนตัว ระบุว่า เป็นห่วงครอบครัว อีก 5 คน ที่ต้องเป็นคนรับภาระดูแล
วันนี้ (19 เม.ย.2561) ไทยพีบีเอส ลงพื้นที่ของครอบครัวนี้ พบว่าบ้านพักมุงสังกะสี ท้ายซอย เทรดไทย 59/3 คือ ที่พักอาศัย ของครอบครัวนาย ศักดิ์ฤทธิ์ ภายในบ้านพบยายและป้า นั่งร้อยมาลัย รายได้เพียงทางเดียวที่ใช่เสี้ยงชีพของครอบครัวนี้
ทุกๆเช้าสมทรง ยาย จะออกไปซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาด แต่ในช่วงบ่ายของทุกวันยายและป้า จะนั่งล้อมร้อยวงมาลัยช่วยกัน พอถึงตอนเย็นยายจะนำพวงมาลัยที่ร้อยได้ไปขายที่หน้าวัดนาคปรก รายได้จากการขายมาลัยได้วันประมาณ 200 บาท อาจไม่พอใช้ สำหรับคน 5 คน ในครอบครัวหากไม่ได้เงินอีกส่วนจากหลานชาย
ยายสมทรง บอกว่า หลานชายเขาบอกเสียใจไปที่ต้องแบบนั้น ฌพราะเหมือนกับทิ้งยายไป เขาเป็นเด็กนิสัยดี ไม่เคยเกเร หากิน และรับจ้างทำงานเลี้ยงคนในครอบครัว
สมถวิล สุขเกษม ป้าของ ศักดิ์ฤทธิ์ เล่าว่า หลายชายสนิทกับยายมาก และเป็นกำลังหลักของครอบครัว แต่สาเหตุที่ร้องไห้ ไม่ได้หมายความว่า เสียใจ เพียงหแค่รู้สึกเป็นห่วง ว่าถ้าไปเป็นทหารยายจะอยู่อย่างไร
คำบอกเล่าของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเล่าให้ฟังว่าศักดิ์ฤทธิ์ เป็นคนดี และถ้าถึงเวลาที่เขาไปเป็นทหาร การดูแลครอบครัวก็คงไม่น่าห่วง เชื่อว่ายายและป้าคงจะอยู่กันได้
ด้านพ.ท.มานพ ชอบพานิช สัสดีเขตภาษีเจริญ ชี้แจ้งในกรณีที่เกิดขึ้นว่า ถ้าจะได้รับการผ่อนผันจะต้องเข้าข่าย เช่น อยู่ระหว่างการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ ผ่อนผันดูแลบิดามารดา ที่พิการ ทุพลภาพ บุตรที่ไม่มีใครดูแล พิการ แต่ผ่อนผันเลี้ยงดูปู่ย่าตายาย เช่นกรณีนายศักด์ฤทธิ์ จะไม่ได้รับการผ่อนผัน หลังจากนี้เขาจะต้องเข้าประจำการ ที่หน่วย มทบ.11 พลัด 2 ช่วงเดือนพ.ย.นี้