วันนี้ (4 พ.ค.2561) กรณีการแพร่ภาพข้อความว่า ร้านธงฟ้าประชารัฐจะเรียกเก็บเงินจากการใช้บัตรประชารัฐเพิ่มเติม โดยข้อความระบุว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทางร้านจะขอเก็บเงินจากการรูดบัตรประชารัฐ ร้อยละ 5 คือจำนวนเงิน 200 บาท เก็บ 10 บาท จำนวนเงิน 300 บาท เก็บ 15 บาท และจำนวนเงิน 500 บาท เก็บ 25 บาท เนื่องจากทางร้านต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่าการเข้าร่วมเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐนั้น ร้านค้าต้องไม่จำหน่ายสินค้าในราคาที่เกินกว่าราคาจำหน่ายปลีกที่กำหนดไว้ ในกรณีที่ร้านค้าได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้านค้าต้องแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) ณ สถานประกอบการในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่าย และหากร้านค้ายังมิได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มในราคาสินค้า ร้านค้าสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มเติมจากราคาสินค้าที่ยังมิได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในอัตราร้อยละ 7
โดยต้องขายสินค้าในราคาเดียวกันแก่ผู้ซื้อทุกราย รวมถึงมีหน้าที่ในการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้วยการนำภาษีขายที่ตนได้เรียกเก็บ หักภาษีซื้อจากการซื้อสินค้า และนำส่งส่วนต่างให้แก่กรมสรรพากร ดังนั้น ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจึงสามารถขอคืนภาษีซื้อจากกรมสรรพากรได้ จึงมิได้เป็นการเพิ่มต้นทุนแต่อย่างใด
นอกจากนี้กรณีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐบางแห่งเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเฉพาะการซื้อจากการใช้บัตรประชารัฐ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง และอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเข้าร่วมเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ
ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) ดังนั้น การติดตั้งเครื่องอีดีซี เพื่อรับชำระค่าสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ จึงไม่ได้เพิ่มต้นทุนให้แก่ร้านค้า และหากมีการดำเนินการผิดหลักเกณฑ์ตามประกาศกรมการค้าภายในและกรมการค้าภายในเพิกถอนการเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ กรมบัญชีกลางจะเรียกคืนเครื่องอีดีซีทันที และจะไม่ให้วางเครื่อง อีดีซีอีกต่อไป
รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากประชาชนหรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพบเห็นร้านธงฟ้าประชารัฐฉวยโอกาส หรือเอาเปรียบประชาชนให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ ขอให้แจ้งเบาะแสชื่อร้านค้าและที่ตั้งร้านค้าได้ที่กรมสรรพากร สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ และสายด่วน 1569 กรมการค้าภายในหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
ปูพรมตรวจหากเจอเพิกถอนทันที
ขณะที่ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดหลักเกณฑ์ตามประกาศของกรมการค้าภายใน ในการเข้าร่วมเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งร้านค้า ไม่สามารถคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มอีกได้ และจะต้องถูกเพิกถอนจากการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ
ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ สั่งให้หน่วยตรวจสอบและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ปูพรมตรวจสอบเพื่อค้นหาร้านค้าธงฟ้าประชารัฐรายนี้ และดำเนินการเพิกถอนสิทธิการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐทันที ทั้งนี้ขอเตือนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐมิให้ดำเนินการผิดหลักเกณฑ์ต่างๆ รวมทั้งห้ามฉวยโอกาสเก็บเงินพิเศษในลักษณะต่างๆ ที่เป็นการเอาเปรียบประชาชน หากมีการตรวจพบหรือมีผู้ร้องเรียนจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดในการถอนจากการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐทันที
กรณีร้านค้ามีการจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าจากร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
ปัจจุบันมีการติดตั้งเครืองอีดีซีในปัจจุบัน มีจำนวน 18,806 เครื่อง โดยในเดือน พ.ค.-ก.ค.นี้ มีแผนติดตั้งอีก 20,000 เครื่อง จะทำให้มีเครื่องกระจายอยู่ทั่วประเทศ 38,806 เครื่อง