ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ปี ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ชนะการเลือกตั้งทั่วไปมาเลเซีย ครั้งที่ 14 หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเสร็จ โดยคว้าที่นั่งในสภาได้ 115 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 222 ที่นั่ง ส่งผลให้นายมหาธีร์ทวงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้สำเร็จ
นับเป็นการพลิกประวัติศาสตร์การเมืองของมาเลเซีย เมื่อนายมหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 92 ปีและผู้นำแนวร่วมฝ่ายค้านของมาเลเซีย ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง หลังหยิบยื่นความปราชัยให้กับแนวร่วมแห่งชาติหรือบีเอ็น ภายใต้การนำของนายนาจิบ ราซัค ผู้นำพรรคอัมโน การประกาศชัยชนะมีขึ้นหลังคณะกรรมการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่าแนวร่วมฝ่ายค้านปากาตัน ฮาราปัน ภายใต้การนำของนายมหาธีร์และพรรคพันธมิตรในรัฐซาบาห์คว้าที่นั่งในสภาได้ 115 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 222 ที่นั่ง เกินกว่า 112 ที่นั่งที่เป็นเกณฑ์ในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่แนวร่วมแห่งชาติฝ่ายรัฐบาลคว้าที่นั่งได้เพียง 79 ที่นั่ง
ชัยชนะของแนวร่วมฝ่ายค้านนำไปสู่การปิดฉากอำนาจของกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติที่ปกครองมาเลเซียมายาวนานกว่า 60 ปี นับตั้งแต่ที่มาเลเซียประกาศเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2500 แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคะแนนนิยมของแนวร่วมแห่งชาติได้ถดถอยลงและนายนาจิบ ราซัค ผู้กุมบังเหียนรัฐบาลก็เผชิญกับเรื่องอื้อฉาวทั้งการทุจริตคอร์รัปชันและการใช้อำนาจในทางที่ผิด โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาวกองทุนรัฐบาล 1MDB ขณะที่แนวร่วมฝ่ายค้านกลับได้รับความนิยมมากขึ้น โดยการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 แนวร่วมฝ่ายค้านทำคะแนนได้แบบเหนือความคาดหมาย ชนะ Popular Vote แต่ได้ที่นั่งในสภาไม่มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล
นายมหาธีร์กล่าวกับผู้สนับสนุนหลังประกาศชัยชนะว่า เราไม่ต้องการแก้แค้น แต่ต้องการฟื้นฟูหลักนิติธรรมให้กับประเทศ พร้อมทั้งเปิดเผยว่าการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอาจมีขึ้นในวันนี้ (10 พ.ค.2561) ซึ่งชัยชนะของแนวร่วมฝ่ายค้านไม่เพียงพลิกประวัติศาสตร์การเมืองของมาเลเซีย แต่ยังเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวนายมหาธีร์เองที่จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุมากที่สุดในโลก
เส้นทางชีวิต "มหาธีร์ โมฮัมหมัด"
นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด เกิดที่รัฐเกอดะฮ์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2468 จบการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมาลายา ทำงานเป็นแพทย์ได้ 2 ปี ก่อนเข้าสู่การเมือง ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของรัฐบ้านเกิดและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุด โดยบริหารประเทศยาวนานถึง 22 ปี นับตั้งแต่ปี 2524 - 2546 กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในวาระนานที่สุดของมาเลเซีย และระหว่างที่อยู่ในตำแหน่งนายมหาธีร์ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับมาเลเซีย เปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นชาติเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายมหาธีร์เป็นผู้ให้คำปรึกษาและสนับสนุนนายนาจิบ ราซัค ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งในปี 2552 และ 2556 ก่อนจะถอนตัวออกจากแนวร่วมแห่งชาติภายใต้การนำของพรรคอัมโนและกลายเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นายนาจิบมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาวกองทุน 1MDB นายมหาธีร์ระบุถึงสาเหตุที่ถอนตัวออกจากแนวร่วมแห่งชาติว่า เพราะรู้สึกอับอายที่จะต้องเข้าไปเกี่วยข้องกับพรรคการเมืองที่ถูกมองว่าสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชัน
นายมหาธีร์กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้งเมื่อปี 2559 และสร้างความหวังให้กับแนวร่วมฝ่ายค้านหลังขึ้นเป็นผู้นำและหยิบยื่นความปราชัยให้กับแนวร่วมแห่งชาติในที่สุด