วันนี้ (11 พ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 04:00 น.มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอก เครื่องแบบเฝ้าสังเกตการณ์การรวมตัวกันของชาวบ้าน และเครือข่ายกลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส จ.สกล นคร ที่ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าหลุมเจาะสำรวจที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.นี้ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่บริษัทไชน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) เข้าสำรวจแร่โปแตชในพื้นที่ อ.วานรนิวาส
จนล่าสุดวันนี้ชาวบ้านอ.วานรนิวาส ยังคงนั่งปักหลักอยู่หน้าทางเข้าหลุมสำรวจที่ 4 และรอคอยพี่น้องอีกหลายหมู่บ้านที่จะมาสมทบ ขณะที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่อาจสลายกลุ่มชาวบ้านในวันนี้ เพื่อเปิดทางให้รถขนอุปกรณ์ขุดเจาะสำรวจแร่โปแตชบางส่วนเข้าไปได้
ก่อนหน้านี้ชาวบ้านกลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส รวมตัวคัดค้านการขนย้ายอุปกรณ์เจาะสำรวจแร่ของบริษัท ไชน่า หมิงต๋า จากหลุมเจาะที่ 3 บ้านวังบง ไปในพื้นที่ชุมชนบ้านน้อย หลังวัดโนน ต.วานรนิวาส เพื่อเตรียมเจาะสำรวจแร่โปแตซหลุมเจาะที่ 4 โดยมีตำรวจและทหาร คอยอำนวยความสะดวกระหว่างการขนย้าย หลังชุมนุมคัดค้านมาตลอดคืนวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา
กระทั่งบ่ายของวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านยอมยุติการชุมนุม หลังนายรวยรุ่ง ใครบุตร นายอำเภอวานรนิวาส รับหนังสือคัดค้านจากชาวบ้าน และรับว่าจะประสานงานตามข้อร้องเรียน แต่กลับยังตัดสินใจหยุดการสำรวจแร่โปแตช หรือมีแนวทางแก้ไขปัญหาของชาวบ้านแต่อย่างใด
ชาวบ้านกังขาขอให้ตรวจอาชญาบัตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ทำหนังสือถึงสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสกลนคร เรื่องอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่โปรแตชของ บริษัท ไชน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) เนื่องจากเครือข่ายฯ มีความเห็นว่าสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสกลนคร มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน โดยใช้วิธีถ่วงเวลาไม่ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาช ญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ของบริษัท จึงอยากให้สอบสวนทางวินัยเพื่อเอาผิดตามกฎหมาย
นอกจากนี้ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 ซึ่งเป็นกฎหมายแร่ฉบับใหม่ที่มีผลใช้บังคับแล้ว ได้ระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 188 ว่าบรรดาคำขอทุกประเภทที่ได้ยื่นไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นคำขอตามพระราชบัญญัตินี้ และให้พิจารณาดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ จึงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายแร่ฉบับใหม่อย่างเคร่งครัด ด้วยการตรวจสอบพื้นที่ที่ยื่นคำขอว่าเป็นพื้นที่ที่ห้ามยื่นขอตามกฎหมายว่าด้วยแร่หรือกฎหมายอื่นหรือไม่ โดยลงรายละเอียดข้างเคียงให้ครบถ้วน ทั้งแสดงแนวเขตการทับคาบเกี่ยวพื้นที่ต้องห้ามตามกฎหมาย พื้นที่ป่าลุ่มน้ำชั้นที่ 1 ตามมติคณะรัฐมนตรี และพื้นที่ตามมาตรา 20 แห่งกฎหมายแร่ฉบับใหม่