วันนี้ (2 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทีมสัตวแพทย์ และชาวบ้านที่ช่วยเหลือวาฬนำร่องครีบสั้น ที่เกยตื้นบริเวณ คลองนาทับ พื้นที่ ม.2 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลามี ความยาว 4.5 เมตร ไม่สามารถว่ายน้ำเองได้ จึงทำเปลพยุงลำตัว ป้องกันการจมน้ำและดูแลอย่างใกล้ชิด และประสานรถช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากพร้อมสัตวแพทย์ จากศูนย์วิจัยทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.)เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดวาฬนำร่องครีบสั้นตัวนี้ได้ตายลง และเมื่อผ่าชันสูตรซากพบในกระเพาะอาหารมีถุงพลาสติกมากถึง 85 ชิ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้วาฬ โลมา เต่าทะเลตายจากกินขยะพลาสติกจำนวนมาก
ภาพ:เพจเฟชบุ๊ก ThaiWhales
โดยเพจเฟชบุ๊ก ThaiWhales ได้เผยแพร่ข้อความว่าสุดท้าย .… เจ้าวาฬนำร่องครีบสั้นก็ไม่ได้กลับคืนสู่ทะเล
คืนวันที่ 31 พ.ค.61 ฉันตื่นขึ้นมาช่วงตี 2 ตี 3 เป็นช่วงเปลี่ยนเวรระหว่างหมอบิ๊ก หมอจากศูนย์ฯภูเก็ต หมอบิ๊กเดินมาบอกหมออุ๋ย กับหมอเอ๋ ที่นอนงีบในเตนท์ว่า วาฬเหมือนอาการจะดีขึ้น อาจเพราะไม่ค่อยเครียดแล้ว กลางคืนวาฬสงบดี ได้ยินก็ชวนให้ใจชื้น
เช้าวันที่ 1 มิ.ย. 61 ทีมตื่นกันแต่รุ่งเช้า หมอๆเตรียมยา ประเมินอาการ เจ้าหน้าที่ผลัดกันลงไปพยุงวาฬตามรอบเวรของทุกคน บรรยากาศค่อนข้างเป็นไปด้วยดีแต่แดดออกจัดมาก สายๆ หมอบิ๊กเดินขึ้นมาพร้อมถุงพาสติกที่มีเมือกๆและกลิ่นเหม็นฉุนคล้ายๆเวลาตอนผ่าวาฬ พร้อมกับบอกว่า น้องวาฬดิ้นอย่างแรงขณะเดียวกันนั้นก็เจอถุงพลาสติกลอยมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่เห็นจะๆว่าออกจากปากเลยยังไม่ฟันธง แต่ทุกคนในเตนท์นั้นก็เริ่มเข้าใจถึงสาเหตุของการป่วยของน้องวาฬสีดำแสนน่ารักและน่าสงสารตัวนี้
ภาพ:เพจเฟชบุ๊ก ThaiWhales
ช่วงบ่ายแก่ๆ หลังจากแดดจัด ฟ้าฝนลมพายุก็ตกลงมา เตนท์โยกปลิว เราได้ยินเสียงหมอเวรที่เฝ้าอยู่ ตะโกนจากทะเลมาว่า วาฬอาการไม่ดี มีการดิ้นแรง ให้ลงมาช่วยหลายๆคน ทุกคนรีบวิ่งลงไปช่วยกันในน้ำเกือบทั้งหมด .... ในนาทีชีวิตนั้น
หมออุ๋ย หมอเอ๋ และหมอบิ๊ก รีบดูอาการและพยายามให้ยา ทีมเจ้าหน้าที่จากปกติพยุงกันสองคน ตอนนี้ต้องใช้คนเกือบสิบคนเพื่อพยุงไม่ให้วาฬดิ้นและอาจทำให้น้ำเข้า Blowhold จนวาฬสำลักน้ำ เจ้าวาฬยังดิ้นแรงและพยายามสำรอกอ๊วกเอาถุงพลาสติกเมือกๆสีน้ำตาลออกมาสองสามครั้งในขณะที่หมอพยายามช่วยให้เค้าอ๊วกออกมาๆๆ
ฉันเห็นถุงพลาสติกออกมาจากปากวาฬแล้วบอกความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ ทุกคนรอบๆตัววาฬในตอนนั้นก็คงเช่นกัน
ภาพ:เพจเฟชบุ๊ก ThaiWhales
ฉันช่วยดูการหายใจ ที่ปกติวาฬจะหายใจออกหนึ่งนาทีหนึ่งครั้ง แต่นี่ห้านาทีก็แล้ว สิบนาทีก็แล้ว ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงหายใจออกของวาฬ หลังจากหมอพยายามกระตุ้นให้วาฬหายใจ ก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ที่ช่วยจับชีพจร ตะโกนบอกหมอว่า ชีพจรก็ออกมากจนแทบเรียกว่าไม่มี หมอบิ๊กและพี่สันติ ผู้ชายตัวใหญ่ที่สุด ทำการปั้มหัวใจโดยใช้ตัวกระแทก หลังจากวาฬหยุดหายใจ ความพยายามเช่นนั้นทำอยู่หลายครั้งแต่สัญญาณชีพของวาฬก็ยังไม่กลับมา
เมื่อวาฬแน่นิ่งไป ทุกคนตัดสินใจปลดเชือกวาฬและพยุงเข้ามาในที่ตื้นขึ้นเพื่อช่วยยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายเมื่อสัญญาณชีพทั้งหลายดับลง วาฬไม่หายใจ วาฬหัวใจไม่เต้น วาฬไม่ตอบสนองต่อการดึงในปาก ม่านตาเบิกโพลง .. สัญญาณทำหมดนี้ทำให้ทุกคนต้องยอมปล่อยมือ และให้เข้าไปอย่างสงบ ในตอนบ่ายแก่ๆของวันที่ 1 มิถุนายน น้องวาฬอาจเลือกจากไปในวันที่ฟ้าฝนกระหน่ำรุนแรง
หลังจากนาทีฉุกเฉินที่วุ่นวาย บรรยาศเงียบนิ่งลง มือและพลังที่คอยช่วยยื้อชีวิตได้หมดแรงลง ท่ามกลางใบหน้าที่เหนื่อยล้า อ่อนแรง ชั้นเห็นผู้ชายหลายคนมีน้ำตาไหลปนมากับสายฝนที่กระหน่ำ แม้เราจะทำใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว เหมือนกับทุกๆเคสที่มีวาฬมาเกยตื้น เรามักรู้กันอยู่แล้วว่า เมื่อวาฬน้ำลึกแบบเจ้าน้องวาฬตัวนี้มาเกยตื้น อาการมันจะหนักมากๆแล้ว เหมือนคนไข้ห้อง ICU ที่เป็นตายเท่าๆกัน แต่เมื่อเค้าจากไปจริงๆ มันก็ทำให้เราเศร้า และยิ่งเห็นจะๆว่า เจ้าวาฬตัวนี้สำรอกเอาขยะออกมามันก็ยิ่งทำให้เราเศ้ราใจ และหดหู่มากๆจริงๆ
เย็นนั้น งานของทุกๆคนยังไม่จบ เจ้าหน้าที่ ศวทล. ย้ายซากวาฬด้วยรถเข็นจากการเทศบาลในพื้นที่ ช่วยยก ย้ายมาผ่าที่ศูนย์วิจัยฯอ่าวไทยตอนล่าง เราต้องผ่าชันสูตรกันในเย็นนั้นเลยเพราะยิ่งซากสดก็ยิ่งดี
ภาพ:เพจเฟชบุ๊ก ThaiWhales
ทีมหมอเตรียมและทีมเจ้าหน้าที่ศวทล.ทำการชำแหละ วัดซาก และชั่งน้ำหนัก เมื่อชันสูตรแล้ว เท่าที่มองเห็นด้วยตา หมอพบว่าอวัยวะหลายอย่างไม่ปกติ มีพยาธิในหลายอวัยวะ หมออุ๋ยเก็บ Hilight ไว้สุดท้าย นั่นคือ กระเพาะอาหาร!!
เมื่อหมอกรีดมีดลงไปตั้งแต่หลอดอาหารไปจนถึงปลายสุดของกระเพาะอาหาร ก้อนสีน้ำตาลนั้นมันคือพลาสติกเต็มตั้งแต่หลอดอาหารจนสุดกระเพาะ น้ำหนัก 8 กิโลกรัม 85 ชิ้น !!! ด้วยจำนวนขนาดนี้ทำให้ทุกคนอึ้งและเศร้ากันมากจริงๆ อีกครั้งที่ขยะที่เกิดจากเผ่าพันธ์ุมนุษย์ทำร้ายสัตว์โลกชนิดอื่นอย่างไม่ปราณี
ทำงาน ThaiWhales มาแปดปี ได้มีโอกาสลงไปช่วยเจ้าหน้าที่ทั้งเคสวาฬมีชีวิตและไม่มีชีวิตอยู่หลายสิบครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่การตายของวาฬ จะทำให้ฉันเศร้าใจ หดหู่และรู้สึกสงสารวาฬอย่างจับใจท่วมท้นเท่าครั้งนี้ ฉันเชื่อว่าทุกๆคนที่อุ้มวาฬอยู่ด้วยกันก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
หลายครั้งมักมีคำถามว่า จะช่วยวาฬไปทำไมเพราะโอกาสก็น้อยมากที่พวกเค้าจะหายและได้ว่ายกลับคืนสู่ทะเล .. ฉันพบว่า มันอาจไม่มีคำตอบที่ที่ดีไปกว่าคำว่า "มนุษยธรรม"
ขอบคุณพี่สันติ นิลวัตน์ และเจ้าหน้าที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ทีมสัตวแพย์ ทช. หมออุ๋ย หมอเอ๋ หมอบิ๊ก น้องๆฝึกงาน รองนายกเทศบาล ต.นาทับ และชาวบ้านในพื้นที่ทุกคน ที่ทำงานหนัก คอยช่วยเหลือชีวิตที่สวยงาม ยิ่งใหญ่ แต่เปราะบางเหลือเกินอย่างเจ้าวาฬนำร่องครีบสั้นตัวนี้
ภาพ:เพจเฟชบุ๊ก ThaiWhales
ฉันหวังไว้ว่า สักวันการทำงานของทุกๆคนรอบๆตัววาฬ ทั้งของเจ้าหน้าที่ ทั้งของThaiWhales และกลุ่มอนุรักษ์ท้องทะเลอื่นๆ จะมีเสียงดังมากพอที่จะให้คนที่ไม่ได้มีโอกาสมารับรู้และมาเห็นอย่างฉัน ได้รู้ เข้าใจ ตระหนัก และเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้วาฬและสัตว์ทะเลอื่นๆ ได้มีโอกาสอยู่ในบ้านที่สะอาด ปลอดภัย .... ให้สัตว์อื่นๆ ไม่โชคร้ายและน่าสงสาร เหมือนเจ้าวาฬนำร่องครีบสั้นตัวนี้อีก
แผ่นดิน ท้องทะเล และโลกนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเผ่าพันธ์มนุษย์อย่างเดียว สัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆก็มีสิทธิในการอยู่บนโลกใบนี้เท่าๆกับคนเรา
(ขอบคุณเรื่องและภาพจากเพจเฟซบุ๊กThaiWhales)
ภาพ:เพจเฟชบุ๊ก ThaiWhales