วันนี้ (28 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา บีทีเอสได้ส่งข้อความระบุว่า การเดินทางของบีทีเอสทั้งสายสุขุมวิทและสายสีลม มีขบวนรถให้บริการปกติทุกสถานี จากการสอบถามผู้โดยสารที่สถานีหมอชิต หลายคนบอกว่า การขัดข้องก่อนหน้านี้ส่งผลต่อการเดินทาง จึงตัดสินใจใช้บริการรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีแทน
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส เปิดเผยว่า หลังจากทีโอทีปิดคลื่นความถี่ย่าน 2300 เมกะเฮิรตซ์ ตามแนวสถานีรถไฟฟ้า 10 สถานี จึงไม่พบการรบกวนและทำให้การเดินรถสามารถทำได้ตามปกติ คาดว่าวันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.) จะติดตั้งอุปกรณ์กรองสัญญาณ Moxa แล้วเสร็จ และจะย้ายคลื่นความถี่ 2400 เมกะเฮิรตซ์ไปอยู่ในช่วงคลื่นความถี่ 2500 เมกะเฮิรตซ์ ตามที่ กสทช.แนะนำ เพื่อลดการรบกวน และจะสามารถเดินรถได้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ แต่ต้องติดตามว่าในวันที่ 2 ก.ค. จะสามารถทำการเดินรถได้ตามปกติหรือไม่
ด้านนายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัททีโอที จำกัด มหาชน กล่าวว่า กำลังตรวจสอบการใช้งานกล้องซีซีทีวีในเส้นทางดังกล่าว ว่าจะส่งผลกระทบต่อการรบกวนระบบอาณัติสัญญาณของบีทีเอสหรือไม่ จึงขอความร่วมมือให้ทำการปรับกำลังส่งสัญญาณให้ลดความเข้มสัญญาณเพื่อลดการรบกวน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า สัญญาณไวไฟและสัญญาณโทรศัพท์มือถือไม่กระทบกับคลื่น 2400 ที่บีทีเอสใช้
ขณะที่มาตรการชดเชยผู้โดยสารช่วงที่เกิดเหตุขัดข้อง วันที่ 28-29 มิ.ย.ที่ผ่านมา บัตรประเภทแรบบิทการ์ด ทั้งแบบเติมเงินและเติมเที่ยว จะไม่มีการตัดเที่ยว หรือค่าเดินทาง ส่วนบัตรประเภทใช้ครั้งเดียว จะสามารถออกจากระบบและเก็บบัตรโดยสารไว้ใช้งานได้ใหม่ภายใน 14 วันตามมูลค่าเดิม ส่วนการชดเชยค่าโดยสาร สำหรับผู้โดยสารที่ใช้บริการในช่วง 3 วันที่บีทีเอสขัดข้อง จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า