วันนี้ (20 ส.ค.61) นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.กาญจนบุรี โดยระบุว่า พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังคือ พื้นที่ลุ่มต่ำ โดยมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณอีก 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 53 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ซึ่งเป็นการเปิดเพิ่มจากทางน้ำ (สปิลเวย์) จากปกติวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งหากน้ำเต็มความจุหรือล้นจะยากต่อการควบคุม
วันนี้ได้สั่งการให้นายอำเภอในพื้นที่เตรียมรับมือและชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน โดยระดับน้ำอาจเพิ่มสูงและกระทบพื้นที่การเกษตรในที่ต่ำโดยเตรียมแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาไว้แล้ว โดยมีพื้นที่ อ.ไทรโยค จะได้รับผลกระทบมากสุด และมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2-3 หมู่บ้านซึ่งมีระดับน้ำเพิ่ม 10-15 ซม.แต่ยังไม่มีพื้นที่ที่เดือดร้อนหรือเสียหายหนัก
เขื่อนวชิราลงกรณเพิ่มการระบายน้ำอีก 10 ล้าน ลบ.ม.เป็นวันละ 53 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งได้มีการพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งปริมาณน้ำในตลิ่ง และพยายามไม่ให้เกินในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งพื้นที่ที่กระทบคือพื้นที่ต่ำจริงๆ และได้สั่งทุกอำเภอดูแลและชี้แจงประชาชนแล้ว
นอกเหนือจากเขื่อนวชิราลงกรณ ที่มีปริมาณน้ำกักเก็บร้อยละ 90 ของความจุ แต่ในเขื่อนศรีนครินทร์ ยังมีน้ำไหลเข้าเขื่อนค่อนข้างน้อย โดยมีปริมาณอยู่ที่ 40 ล้าน ลบ.ม. โดยระบายน้ำออกวันละ 20 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งทางเขื่อนศรีนครินทร์ สามารถควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ในการประชุมเจ้าหน้าที่จากกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่าตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. ฝนและพายุจะเริ่มเบาลงโดยจะทิ้งช่วงไปจนถึงช่วงต้นเดือน ก.ย.โดยการระบายน้่ำในเขื่อนวชิราลงกรณจะระบายน้ำออกที่อัตรา 53 ล้าน ลบ.ม.ไปจนถึงช่วงสิ้นเดือน ส.ค.ซึ่งปริมาณน้ำกักเก็บก็จะลดลง ซึ่งตามที่คาดการณ์ไว้จะอยู่ที่ร้อยละ 88 จากปัจจุบันที่ร้อยละ 90