วันนี้ (23 ส.ค.2561) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวในงานปาถกฐาพิเศษ “การผสานพลังสร้างประเทศไทยใสสะอาด” ว่า ปัญหาการทุจริตส่งผลกระทบต่อการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงระดับชาติระดับประเทศที่ทั่วโลกรับรู้ การทุจริตทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเกลียดชังเจ้าหน้าที่หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ เปรียบประเทศไทยเป็นแท่งเหล็กที่มีสนิมกัดกร่อนเหล็กให้ประเทศผุพัง ซึ่งสนิมที่ว่าคือปัญหาการทุจริต และปัญหาขาดความสามัคคีปรองดอง และเป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศที่ต้องจัดการกับปัญหาด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้เห็นเป้าหมายเพราะมีการกำหนดให้ “ไม่ทนต่อการทุจริต” ซึ่งกฎหมายสามารถทบทวนได้ทุก 5 ปี โดยความคืบหน้าของ พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติอยู่ประหว่างรอประกาศบังคับใช้
นายวิษณุ ระบุว่า ปัจจุบันเกิดการทุจริตระดับท้องถิ่นจำนวนมาก แม้จะเป็นมูลค่าที่ไม่มากแต่ส่งผลโดยรวมเป็นมูลค่าจำนวนมาก ขณะเดียวกันปัญหานี้ก็ทำให้ประชาชนเกิดความต่อต้านภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายและประชาชน ในการร่วมกันสร้างประเทศให้ใสสะอาด หรือ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสหมดจด เกิดการคอร์รัปชันน้อยที่สุด
พร้อมตั้งเป้าในปี 2564 ประเทศไทยควรมีค่าดัชนีชี้วัดการรับรู้การทุจริตมากว่า 50 คะแนน หรืออย่างน้อยต้องมากกว่าปี 2560 ที่ได้ 37 คะแนน ซึ่งกรณีการมีข่าวเรื่องการทุจริตอาจทำให้เกิดการสะเทือนใจว่าบ้านเมืองเกิดปัญหาการทุจริตมากขนาดนั้นเลยหรือ แต่นั้นหมายความว่าคือผลของการเอาใจใส่ในการป้องกันและปราบปรามฯ เมื่อไหร่ที่ขุดพบก็ต้องจัดการให้เป็นข่าว