วันนี้ (24 ส.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมแพทย์ โรงพยาบาลอานันทมหิดล กรมแพทย์ทหารบก แถลงอาการพลทหารคชา พะชะ ที่ถูกรุ่นพี่ทหารซ้อมจนมีอาการบาดเจ็บสาหัส
พล.ต.ชัชวาล บูรณรัช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอานันทมหิดล กล่าวว่า พลทหารคชาถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการหมดสติ ไม่รู้สึกตัว แพทย์ตรวจสอบอาการพบว่าไม่มีชีพจร จึงช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) จำนวน 2 ครั้ง ใช้เวลา 45 นาที หลังจากนั้นชีพจรของพลทหารคชากลับมาเต้นตามปกติ แต่ยังไม่รู้สึกตัวและหายใจเองได้ไม่เพียงพอ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและย้ายผู้ป่วยไปยังห้องไอซียู
อาการวันแรก ผู้ป่วยไม่มีร่องรอยฟกซ้ำตามร่างกาย แพทย์ได้ส่งไปทำทีซีสแกน พบว่าสมองยังปกติดี ไม่มีภาวะเลือดออกในสมอง จึงวินิจฉัยเบื้องต้นว่า หัวใจหยุดเต้นโดยไม่ทราบสาเหตุ รวมทั้งมีภาวะไตไม่ทำงาน หรือไตวาย โดยใช้เครื่องฟอกไตเพื่อกำจัดของเสียออกจากเลือด พร้อมให้การรักษาตามอาการและรักษาระดับความดันโลหิต
วันที่ 2 พบว่าปอดและหัวใจของพลทหารคชาทำงานได้ดีขึ้นหลังจากการฟอกไต วันที่ 3 ผู้ป่วยเริ่มไม่ค่อยรู้สึกตัวมากขึ้นจึงส่งไปทำทีซีสแกนอีกครั้ง ล่าสุดวันนี้ (24 ส.ค.) ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพ ความดัน อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนการหายใจนั้นยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ขณะที่อาการทางระบบประสาท ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัวเนื่องจากภาวะสมองบวมหลังขาดออกซิเจนเป็นเวลานานช่วงที่หัวใจหยุดเต้น การทำงานของปอดอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ไม่ต้องฟอกไตแล้ว เพราะอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
พล.ต.ชัชวาล กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่ยังน่ากังวล คือภาวะสมองบวมที่อาจเป็นอันตรายกับผู้ป่วย ขณะนี้พลทหารคชายังไม่รู้สึกตัว แพทย์พยายามทำให้อุณหภูมิภายในคนไข้ลดลงและใช้ออกซิเจนลดลง เพื่อประคับประคองสมอง แต่ยังไม่สามารถผ่าตัดได้ เพราะอาจเกิดอันตรายกับผู้ป่วย ยืนยันว่าแพทย์ได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่ โดยใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมทำงานเป็นทีม ขณะนี้อาการทรงตัวและดีขึ้นเพียงเล็กน้อย
ส่วนสาเหตุที่ทำให้พลทหารคชาหมดสติและไม่หายใจนั้น พล.ต.ชัชวาล ระบุว่าตัวเองไม่สามารถระบุได้ และขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตามปกติแล้วการดำเนินคดีตำรวจจะต้องส่งหนังสือให้ทางโรงพยาบาลออกความเห็นแพทย์ถึงอาการผู้ป่วย เพื่อใช้ในการดำเนินคดี ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือดังกล่าวส่งมายังโรงพยาบาล
ขณะที่แพทย์ที่รับตัวพลทหารคชา เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า วันที่รับตัวเข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน แรกรับนั้นพลทหารคชาไม่มีชีพจร ไม่หายใจ ร่างกายไม่มีร่องรอยบาดแผล ไม่มีร่องรอยฟกช้ำ ไม่พบความผิดปกติที่เห็นชัดเจน ไม่มีเลือดออกในช่องท้อง ม้ามไม่ฉีก กระดูกซี่โครงไม่หัก แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น ขณะที่แนวทางการรักษาจะประเมินอาการวันละ 2-3 ครั้ง ไม่ต้องทำทีซีสแกนทุกวัน และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะคนไข้ยังหายใจเองไม่ได้เพียงพอ
ตอนแรกไม่ได้ประวัติอะไรเลย คนที่นำส่งแจ้งเพียงพบคนไข้นอนหมดสติ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรบ้างก่อนที่จะถึงมือแพทย์ แต่ไม่พบร่องรอยความผิดปกติ ซึ่งใช้เวลาพอสมควรกว่าจะปั๊มหัวใจกลับมาได้
ขณะที่แม่ของพลทหารคชา บอกว่า ได้เข้าเยี่ยมลูกชายตั้งแต่วันแรกแล้ว ซึ่งตกใจและพยายามเรียกลูก พบว่าลูกชายลืมตาขึ้นมา 2 ครั้ง ก่อนหน้านี้ลูกชายแข็งแรงดีและไม่มีโรคประจำตัว ตัวเองจึงติดใจสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหมดสติและหยุดหายใจ
ส่วนพ่อของพลทหารคชา บอกว่า ตอนแรกทราบเพียงว่าลูกหมดสติ และสงสัยว่าถูกซ้อมในลักษณะใด เพราะไม่มีบาดแผลตามร่างกาย แต่สมองบวม รวมทั้งไม่ทราบว่าตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหากับนายทหารรุ่นพี่ 3 คน ซึ่งตัวเองพอใจเรื่องการดูแลและรักษาโดยทีมแพทย์ ส่วนเรื่องการดำเนินคดีขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ญาติพลทหารบาดเจ็บทำพิธีเรียกขวัญหวังให้อาการดีขึ้น