วันนี้ (28 ส.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจหลักฐานลงพื้นที่หาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานตามคำกล่าวอ้างของนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษซึ่งอ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จากพยานหลักฐานทั้งในทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานบุคคลที่ได้มาในขณะนี้ ยังไม่พบการล่วงละเมิดทางเพศหรือการข่มขืนแต่อย่างใด จึงเตรียมรวบรวมมูลข่าวสารเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนำข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการการทำลายภาพพจน์การท่องเที่ยวของเกาะเต่าและประเทศไทย
โรงแรมขนาดเล็กบนเกาะเต่าเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษได้เข้าเช่าพักอาศัยกับเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวม 5 คน ระหว่างใช้ชีวิตและท่องเที่ยวบนเกาะเต่าก่อนที่นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษจะได้บอกเล่ากับเจ้าของโรงแรมในช่วงเช้าวันที่ 26 มิ.ย.2561 ว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศจากชายเอเซียซึ่งเจ้าของโรงแรมได้แนะนำให้ผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับตำรวจเกาะเต่า แต่ผู้เสียหายอ้างว่าต้องรีบเดินทางไปเกาะพงันเพื่อร่วมงานฟูลมูลปาร์ตี้กับเพื่อนชายซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้ไม่ได้แจ้งความกับตำรวจในวันเกิดเหตุแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ตำรวจเกาะเต่าได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวนหาดทรายรีจำนวน 7 จุด แต่ตรวจสอบไม่พบภาพหรือการกระทำล่วงละเมิดทางเพศในช่วงเกิดเหตุระหว่างวันที่ 25-26 มิ.ย.ที่ผ่านมาเนื่องจากระบบวงจรปิดตรวจสอบภาพย้อนหลังได้เพียง 7 วัน ในขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบอกว่ารู้สึกกังวลกับกระแสข่าวความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เนื่องจากกังวลว่าหากภาพด้านลบของเกาะเต่าออกไปมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเกาะเต่าในระยะยาว
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ระบุเพิ่มเติมว่า หากผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความพร้อมยืนยันว่าเกิดเหตุการณ์ข่มขืนจริง ทางตำรวจรวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี แต่จนถึงขณะนี้ทั้งตำรวจรวมถึงสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยก็ยังไม่ได้รับการแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขีดเส้น 7 วัน สอบข้อเท็จจริงนักท่องเที่ยวถูกล่วงละเมิดทางเพศ