ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"แจ็ค หม่า" กลับลำ ล้มแผนสร้างงานล้านตำแหน่งในสหรัฐฯ

ต่างประเทศ
20 ก.ย. 61
09:32
1,781
Logo Thai PBS
"แจ็ค หม่า" กลับลำ ล้มแผนสร้างงานล้านตำแหน่งในสหรัฐฯ
จากวิกฤตสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ส่งผลให้ "แจ็ค หม่า" ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ตัดสินใจล้มแผนสร้างงานล้านตำแหน่งในสหรัฐอเมริกา แม้เคยให้คำมั่นกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไว้เมื่อปีที่แล้ว

วันนี้ (20 ก.ย.2561) สำนักข่าวจีน ซินหัว รายงานว่าอาลีบาบาได้ตัดสินใจยกเลิกแผนการสร้างงาน 1 ล้านตำแหน่งในสหรัฐอเมริกาแล้ว ท่ามกลางความขัดแย้งในสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ยืดเยื้อมานาน

แจ็ก หม่า ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ระบุว่า คำสัญญาที่จะช่วยสร้างงานในสหรัฐอเมริกา มีขึ้นบนพื้นฐานของการเป็นหุ้นส่วนและมิตรภาพที่ดีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ บนความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีเหตุผล แต่เมื่อสถานการณ์ระหว่างจีนกับสหรัฐกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่อาจทำตามคำสัญญาได้

ประธานอาลีบาบา ยืนยันว่าจะพยายามเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐต่อไป พร้อมคาดการณ์ว่าสงครามการค้าระหว่างสองประเทศจะยืดเยื้อต่อไปอีก 20 ปี ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

สร้างกำแพงภาษีสู่สังเวียนสงครามการค้า

สำหรับคำสัญญาดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเดือน ม.ค.ปี 2560 นายแจ็ก หม่า เข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมสัญญาว่าจะสร้างงานจำนวน 1 ล้านตำแหน่งผ่านธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกาที่จะทำงานร่วมกับเว็บไซต์อาลีบาบา ซึ่งเป็นคำมั่นที่ให้กับผู้นำทรัมป์ก่อนจะเข้าพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ขณะที่วิกฤตทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตราร้อยละ 10 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. เป็นต้นไป และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 25 ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า ส่วนรัฐบาลจีน ตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราภาษีร้อยละ 5-10 คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.เช่นกัน

ทั้งนี้ สงครามการค้าของทั้งสองประเทศ อาจเป็นสัญญาณเตือนสำหรับผู้บริโภคสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่มีวัตถุดิบหรือผลิตจากจีนหรือสหรัฐอเมริกา ที่ต้องเตรียมรับมือกับราคาสินค้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง