วันนี้ (5 ต.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ศาลจังหวัดสระแก้วจะมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตในคดีอุ้มฆ่าและเผานั่งยางนายชัยชนะ หมายงาน หรือเสี่ยอ้วนโรงเกลือ เจ้าของธุรกิจนำเข้าและส่งออกชายแดนไทยกัมพูชา ไปเมื่อปี 2558 แต่เพียง 3 ปีหลังจากคดีนี้ พ.ต.ท.พันธ์ศักดิ์ มงคลศิลป์ อดีตตำรวจผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออก ก็ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีรับจ้างฆ่าอีกครั้ง
ตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว อ้างว่ามีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า พ.ต.ท.พันธ์ศักดิ์ เป็นผู้ลั่นไกสังหารนายประชา วรทัด เจ้าของปั๊มน้ำมันศรีสุวรรณรุ่งเรือง และยิงนางปลิดา วรทัด ภรรยาบาดเจ็บ โดยมีพวกอีก 4 คนสนับสนุน หลังได้รับคำสั่งตายจากอดีตเจ้าของปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่พอใจผู้เสียชีวิตเพราะไม่ยอมขายที่ดินคืนให้
พ.ต.ท.พันธ์ศักดิ์ เป็นที่รู้จักในแวดวงผู้มีอิทธิพล เพราะเป็นหัวหน้าซุ้มมือปืนลำดับต้นๆ ของภาคตะวันออก มีคดีติดตัวมากมาย ทั้งคดีอุ้มฆ่า ส.ท.สมเกียรติ น้อยเล็ก อดีตมือปืนคนดัง คดีอุ้มฆ่ากำนันประเชิญ บุญปราโมทย์ คดีอุ้มฆ่านางตรีนุช บุญทวี ภรรยาอดีตสมาชิกสภา จ.ปราจีนบุรี เมื่อหลายปีก่อน
แต่ที่โด่งดังที่สุดคือขณะดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี เขาถูกกล่าวหาทำหน้าที่หัวหน้าชุดอุ้มฆ่านางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ภรรยาและบุตรของนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ ที่พัวพันกับคดีเพชรซาอุ เมื่อปี 2532 ซึ่งเขาให้การพาดพิงถึง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ หัวหน้าทีมคลี่คลายคดีว่าเป็นผู้สั่งการ จนศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ ส่วนตัวเขาได้รับการลดหย่อนโทษเหลือจำคุก 40 ปี
พ.ต.ท.พันธ์ศักดิ์ พ้นโทษมาเมื่อปี 2555 โดยทำอาชีพรับเหมาก่อสร้างอยู่ใน จ.สระแก้ว แต่เพียงปีเดียวก็ก่อคดีอุ้มฆ่าเผานั่งยางเสี่ยอ้วน ตามคำสั่งคู่ขัดแย้งผลประโยชน์ในตลาดโรงเกลือ จึงถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตเมื่อปี 2558 แต่เขาหลบหนีระหว่างการประกันตัว ระหว่างนั้นมีเบาะแสว่าเขาเดินทางเข้าออกไทยและกัมพูชาบ่อยครั้ง แต่ไม่ถูกจับกุมกระทั่งก่อเหตุซ้ำในคดีลอบสังหารเจ้าของปั๊มน้ำมันกลางเมืองสระแก้ว