วานนี้ (24 พ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวฝรั่งเศสกว่า 100,000 คน ทั่วประเทศ ออกมารวมตัวประท้วงรัฐบาล เนื่องจากไม่พอใจนโยบายของนายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่ประกาศขึ้นราคาน้ำมันและเตรียมเก็บภาษีน้ำมันเพิ่ม
การประท้วงตั้งแต่ช่วงเช้ายกระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงค่ำ โดยเฉพาะบริเวณถนนช็องเซลีเซ ที่มีผู้ประท้วงสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองกว่า 8,000 คน รวมตัวกันปิดถนนทำให้การจราจรติดขัดและทำลายสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร และมีแนวโน้มว่าจะบานปลาย ส่งผลให้ตำรวจปราบจลาจลสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาและใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อควบคุมสถานการณ์ โดยเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ประท้วง 130 คน เบื้องต้น มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 คน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 4 นาย
ทั้งนี้ สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งใช้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ในฝรั่งเศสได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ย 1.51 ยูโรต่อลิตร (ประมาณ 56.65 บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ประกอบกับนโยบายขึ้นภาษีดีเซลอีก 6.5 เซนต์ต่อลิตร และเบนซิน 2.9 เซนต์ต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 ทำให้เกิดการเรียกร้องให้นายเอมมานูเอล มาครง ลาออกจากตำแหน่งและเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่ นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ทางการ โดยระบุว่า ขอบคุณสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างกล้าหาญและความเป็นมืออาชีพของตำรวจทุกคน น่าละอายกับผู้ที่ทำร้ายพวกเขา น่าละอายกับผู้ที่ทำร้ายผู้อื่นและนักข่าว น่าละอายกับผู้ที่พยายามข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้ง ไม่มีพื้นที่ให้ความรุนแรงในประเทศแห่งนี้
Merci à nos forces de l’ordre pour leur courage et leur professionnalisme. Honte à ceux qui les ont agressées. Honte à ceux qui ont violenté d’autres citoyens et des journalistes. Honte à ceux qui ont tenté d’intimider des élus. Pas de place pour ces violences dans la République.
— Emmanuel Macron (@EmmanuelMacron) 24 November 2018