จากกรณีราคาที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ระยอง จ.ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา ปรับเพิ่มขึ้นสูงหลายเท่าตัว โดยเฉพาะตามชุมชนและตามแนวโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนั้น
วันที่ 3 ธ.ค.2561 นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้น สวนทางกับรายได้คนในพื้นที่ปรับขึ้นไม่ทัน ส่วนใหญ่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบสัญญาณฟองสบู่ เนื่องจากราคาที่เพิ่มสูงขึ้นเกิดจากการตั้งราคาเองของผู้ขาย ไม่ได้เกิดจากการซื้อขายเปลี่ยนมือ นายวิชัยเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายในปีหน้า หลังการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กดดันให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ขายที่ดินว่างเปล่า
ขณะที่นายพิชัย พิชเยนทรโยธิน ผู้บริหารโครงการอีสเทอร์น สตาร์ ในฐานะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ กล่าวว่า ที่ดินทำเลติดถนนสุขุมวิท รัศมีรอบอู่ตะเภา ราคาซื้อขายเฉลี่ยไร่ละ 10,000,000 บาท แต่เมื่อนักลงทุนขอซื้อกลับไม่ขายและขยับราคาขึ้นเป็น 12,000,000-13,000,000 บาท จากเมื่อ 5 ปีก่อนที่ไร่ละ 3,000,000-4,000,000 บาท ตลอดจนราคาที่ดินตามถนนสายรอง ตรอก ซอย และไร่มันสำปะหลัง จากเดิมราคาเฉลี่ยไร่ละ 1,000,000 บาท เป็น 3,000,000-4,000,000 บาท
สำหรับความคืบหน้าการออกกฎหมายผังเมืองในพื้นที่อีอีซีนั้น นายอนวัช สุวรรณเดช รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า พื้นที่ตามนโยบายอีอีซี มีทั้งสิ้น 8,300,000 ไร่ ส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ 6,000,000 ไร่ ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวในการจัดทำผังเมืองรวม ขณะนี้อยู่ระหว่างวิเคราะห์การใช้ประโยชน์พื้นที่ ก่อนเปิดรับฟังความเห็นในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2561 ถึงกุมภาพันธ์ 2562 คาดว่าจะร่างผังเมืองรวมอีอีซี ภายในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษ และคณะรัฐมนตรี บังคับใช้ในต้นปีหน้า