เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว นักท่องเที่ยวต่างนิยมไปท่องเที่ยวภูเขาเพื่อสัมผัสอากาศหนาวในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน และ จ.เลย ถือว่าเป็นอีกพื้นที่ยอดฮิตไม่แพ้กัน
นอกเหนือจาก “ภูกระดึง” ซึ่งเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวแล้ว ล่าสุด จ.เลย ได้เปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ “ภูอีเลิศ” บ้านปากหมัน อ.ด่านซ้าย ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีทั้งน้ำตกและหน้าผาที่อยู่ใกล้พรมแดนประเทศลาว
จุดแรก ประชาชนสามารถเยี่ยมชมความงามของน้ำตกขนาดใหญ่คือ "น้ำตกแก่งช้าง" ซึ่งเป็นแม่น้ำเหืองที่ไหลถาโถมระหว่างหุบเขาพรมแดนไทย-ลาว การชมน้ำตกบริเวณริมหน้าผาที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากน้ำตกรายล้อมด้วยผืนป่า แนวเขาและโขดหินที่ลดหลั่นพร้อมกับสายน้ำไหลให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี
กลับจากเที่ยวชมน้ำตกแก่งช้าง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทะเลหมอก จุดเริ่มต้นจากวัดโพนแท่นพัฒนาราม ซึ่งมีที่พักโฮมสเตย์ของชาวบ้านและกลุ่มรถอีแต๊กที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทางขึ้นภูอีเลิศ ต้องเดินทางโดยรถอีแต๊กบนเส้นทางถนนคอนกรีตสลับกับดินแดง ลัดเลาะทุ่ง ผ่านป่าเบญจพรรณ ไปตามแนวเขาระยะทางกว่า 4.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที ค่าบริการอยู่ที่ 500 บาทต่อคันที่บรรทุกนักท่องเที่ยวได้ 4-5 คน
เมื่อถึงภูอีเลิศ นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างแรมได้โดยต้องแจ้งประธานชุมชนบ้านป่ากหมันล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมที่พักและอาหาร พร้อมจัดเวรยามดูแลความปลอดภัยบนพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าชุมชน ซึ่งต้องจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยววันละ 50 คน เพื่อรักษาสภาพของป่าให้ยืนยาวมากที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวชมธรรมชาติและหมอกได้ตั้งช่วงเดือน ก.ย. - ม.ค.
บนภูอีเลิศจะมีจุดชุมวิวทั้งหมด 3 จุดคือ ผาอีเลิศ ผาบักเกิด และแกรนด์แคนยอน ที่สามารถชมวิวบนริมหน้าผา พร้อมด้วยทิวเขาที่โผล่พ้นหมอกมาโชว์ความสวยงามของแนวเขาของประเทศไทยและลาวที่มีแม่น้ำกั้นอยู่เบื้องล่าง
นอกจากนี้ บริเวณภูอีเลิศยังพบดอกสะแล่งหอมไก๋ ที่บานอวดโฉมส่งกลิ่นหอม ซึ่งพบครั้งแรกที่ดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ แต่มาพบบนภูแห่งนี้ด้วย
ดอกสะแล่งหอมไก๋ ที่ส่งกลิ่นหอม พบครั้งแรกที่ ดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ และ ยังสามารถพบได้ที่ภูอีเลิศอีกด้วย
นายนรเศรษฐ์ แสนประเสริฐ คณะกรรมการป่าชุมชนบ้านปากหมัน กล่าวว่า การเปิดการท่องเที่ยวภูอีเลิศ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ช่วยสร้างประโยชน์ได้ใน 2 ทางคือเป็นการช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่และยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีขบวนการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ หากมีการท่องเที่ยวก็จะช่วยให้เกิดการอนุรักษ์ เพราะเป็นการเพิ่มการสอดส่องดูแล ผู้ที่จะลักลอบตัดไม้ก็จะไม่กล้าเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่
อีกทางคือ การสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างมาก ล่าสุดยอดนักท่องเที่ยวในช่วงเดือน ต.ค.2561 มีนักท่องเที่ยวกว่า 580 คน สร้างรายได้เป็นค่ารถนักท่องเที่ยว 69,500 บาท ค่าที่พักโฮมสเตย์ 18,000 บาท ค่าเต็นท์ที่พักบนภู 2,240 บาท ค่าเงินเข้าชุมชนร้อยละ 10 รวม 17,500 บาท รวมรายได้ 107,240 บาท ขณะที่ตลอดทั้งปี (ช่วงระหว่าง 11 พ.ย. 60 - 31 ต.ค.61) อยู่ที่ 156,000 บาท
นักเรียนจาก โรงเรียนพระแก้วอาสาวิทยา รับหน้าที่แนะนำและพานักท่องเที่ยวชมพื้นที่
รวมถึงยังมีกลุ่มนักเรียนจาก ร.ร.พระแก้วอาสาวิทยา ที่รับหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น นำนักท่องเที่ยวชม พร้อมอธิบายที่มาของภูอีเลิศด้วย
นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้
นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ป่าชุมชนบ้านปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นหนึ่งในป่าชุมชนที่ร่วมโครงการ “คนรักป่า ป่ารักชุมชน” จำนวน 1,171 แห่ง และได้รับรางวัลรองชนะเลิศและได้ถ้วยรางวัล โดยในปี 2559 กรมป่าไม้ได้มอบงบประมาณ 104,000 บาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าชุมชนให้ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันและอนุรักษ์ป่าไปพร้อมกันด้วย โดยมีข้อตกลงคือ ปิดพื้นที่ป่า 3 ส่วน ประมาณ 1,500 ไร่ ห้ามเข้าพื้นที่เด็ดขาด อีก 1 สวน ประมาณ 500 ไร่ เปิดให้ชุมชนเข้าใช้ประโยชน์และบ้านปากหมันได้เปิดพื้นที่บางส่วนเป็นแหล่งท่องเที่ยว
นางนันทนา บุณยานันต์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้
นางนันทนา บุณยานันต์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน กล่าวว่า ชุมชนบ้านปากหมัน ถือเป็นชุมชนที่แข็งแรงและถือเป็นชุมชนต้นแบบที่จะเป็นตัวอย่างให้ชุมชนอื่นได้ ซึ่งทางกรมป่าไม้จะพัฒนาและยกระดับชุมชนอื่นๆ ให้ดูแลรักษาป่าชุมชนให้มีประสิทธิภาพจนสามารถสร้างรายได้และอนุรักษ์ผืนป่าร่วมกันอย่างยั่งยืน
“ภูอีเลิศ” จึงนับเป็นอีกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน จ.เลย และใช้เวลาเพียง 1 คืนก็สามารถแวะเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามได้ เช่นกัน พร้อมกับคำขวัญภูอีเลิศที่ว่า “แกรนแคนยอน ภูอีเลิศทะเลหมอก หอมดอกไม้ป่า ตระการตาพืชสมุนไพร”
เฉลิมพล แป้นจันทร์/ ไทยพีบีเอสออนไลน์รายงาน