วันนี้ (12 ธ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุชิงเพชรชาวอินเดีย มูลค่า 10 ล้านบาท เพื่อรักษาพยานหลักฐานระหว่างตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีและติดตามตัวผู้ก่อเหตุ
เจ้าของร้านอาหารที่ตั้งอยู่คูหาติดกัน บอกว่า คูหาที่เกิดเหตุไม่มีผู้เช่ามานานหลายปี ก่อนหน้านี้เป็นร้านจำหน่ายแว่น กระทั่งต้นเดือนธันวาคมมีชายลักษณะดี แต่งตัวเหมือนนักธุรกิจ มาเช่าทำร้านจำหน่ายอัญมณี จากการสังเกตไม่พบว่ามีการตกแต่งร้านเพิ่มเติม และไม่เคยพบลูกค้าเข้ามาที่ร้านจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ ในวันเกิดเหตุมีเหตุการณ์ผิดปกติ เนื่องจากมีคนขับรถจักรยานยนต์ 1 คัน จอดอยู่ริมทางเท้าฝั่งตรงข้ามร้านตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งทราบว่าเป็นผู้พาคนชิงเพชรหลบหนี ตัวเองจึงสงสัยว่าเป็นการวางแผนแต่แรก
ขณะที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ขณะนี้ทราบข้อมูลของผู้ก่อเหตุแล้ว เป็นชายไทยวัยกลางคน พบประวัติเคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวที่ จ.นนทบุรี เมื่อปี 2559 ส่วนผู้ร่วมขบวนการ คือคนขับรถจักรยานยนต์นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นผู้ใด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้ว 7 ปาก ส่วนเพชรที่ชายชาวอินเดียนำมาจำหน่ายนั้นพบว่ามีใบประกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนที่มา
สำหรับประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมนำเพชรมูลค่าสูงมาจำหน่ายในร้านที่ไม่มีความน่าเชื่อถือนั้น ตำรวจสันนิษฐานว่า ชายชาวอินเดียผู้เสียหายได้โพสต์ขายเพชรเม็ดนี้ในเว็บไซต์ซื้อขายเพชร อาจเป็นช่องให้ผู้ก่อเหตุวางแผนติดต่อซื้อ และอ้างตัวว่ามีร้านรับซื้อเพชรโดยเช่าห้องเปิดร้านค้าอัญมณี กระทั่งนัดมาที่ร้านและก่อเหตุชิงเพชร