ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ป.ป.ช.ลงมติ 5 ต่อ 3 ชี้ “ประวิตร” ไม่ผิดปมนาฬิกาหรูยืมเพื่อน

การเมือง
27 ธ.ค. 61
16:25
5,497
Logo Thai PBS
 ป.ป.ช.ลงมติ 5 ต่อ 3 ชี้ “ประวิตร” ไม่ผิดปมนาฬิกาหรูยืมเพื่อน
ป.ป.ช.แถลงคณะกรรมการ มีมติ 5 ต่อ 3 พล.อ.ประวิตร ไม่มีความผิดตามข้อร้องเรียนกรณี จงใจไม่แจ้งนาฬิกาหรู และแหวนในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ เนื่องจากยืมเพื่อนมาใส่ และคืนเพื่อนไปแล้ว

วันนี้( 27 ธ.ค.2561) เมื่อเวลา 16.00 น.นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาข้อร้องเรียนกรณีปรากฏ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สวมใส่นาฬิกาหรู แต่ไม่แจ้งนาฬิกาดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2557 ซึ่งมีผู้ร้องเรียน ให้ตรวจสอบพล.อ.ประวิตร ว่าจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีไม่แสดงนาฬิกาหรูและแหวนประดับมีค่าที่สวมใส่ในโอกาสต่างๆ ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวตามสื่อมวลชนนั้น

โดยวันนี้ คณะกรรมการป.ป.ช. คือพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ขอถอนตัวไม่เข้าร่วมพิจารณา โดยผลการตรวจสอบปรากฏว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ให้พล.อ.ประวิตร ชี้แจงข้อเท็จจริงนี้ 4 ครั้ง ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้วว่า นาฬิกาทั้งหมดจำนวน 22 เรือน ได้ยืมจากนายปัฐวาท  สุขศรีวงศ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และได้คืนไปหมดแล้ว ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและได้คืนไปหมดแล้ว

 

 

ส่วนแหวนมีทั้งที่เป็นมรดกของบิดา ที่มารดามอบให้ พล.อ.ประวิตร ในระหว่างดำรงตำแหน่ง บางวงเป็นแหวนรุ่น หรือแหวนวัตถุมงคลมีมูลค่าไม่สูงมาก

นายวรวิทย์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง และขอเอกสารหลักฐานจากผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาหรูในประเทศไทย รวมทั้งขอเอกสารและความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบการสำแดงรายการนาฬิกาที่นำเข้าจากต่างประเทศรวมทั้งผู้จำหน่ายนาฬิกาในต่างประเทศ

ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายปัฐวาท เป็นนักธุรกิจที่มีฐานะทางการเงิน และมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากและชอบสะสมนาฬิการาคาแพง ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบพบว่ามีการเก็บรักษานาฬิการาคาแพงอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท จำนวนมากกว่าที่ร้องเรียน

 

ป.ป.ช.ชี้นาฬิกา 22 เรือนยืมเพื่อนมา

จากคำให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อเท็จจริงว่านายปัฐวาท เป็นคนมีฐานะดี คอยช่วยเหลือสนับสนุนทางด้านการเงินให้กับกลุ่มเพื่อนที่เคยศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และได้ให้เพื่อนในกลุ่มโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ยืมนาฬิการาคาแพงไปใช้สวมใส่ ซึ่งรวมถึง พล.อ.ประวิตร เพื่อนร่วมห้องเดียวกับนายปัฐวาท ที่มีความสนิทสนมกันด้วย นอกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนเซนต์คาเบรียลแล้ว นายปัฐวาท  ยังให้เพื่อนกลุ่มอื่นยืมนาฬิกาไปสวมใส่ด้วย

เมื่อพิจารณาภาพของนาฬิกาจำนวน 25 เรือนที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่ามีภาพซ้ำกัน 3 คู่ จึงมีนาฬิกาที่ต้องตรวจสอบจำนวน 22 เรือน โดยพบว่าอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท 20 เรือน และพบใบรับประกันนาฬิกาอีก 1 เรือนแต่ไม่พบตัวเรือน รวมเป็น 21 เรือน โดย 21 เรือน พบหลักฐานว่านายปัฐวาท เป็นผู้ซื้อจากผู้จำหน่ายในต่างประเทศจำนวน 1 เรือน ซื้อต่อจากผู้อื่นจำนวน 2 เรือน


ส่วนที่เหลือไม่พบหลักฐานการซื้อจากผู้จัดจำหน่ายภายในประเทศ และกรมศุลกากรก็ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันการนำเข้านาฬิกาจากต่างประเทศได้เพราะผู้นำเข้าบางรายไม่สำแดงข้อมูลรายละเอียดของนาฬิกา ในส่วนการขอข้อมูลการซื้อขายนาฬิกาจากต่างประเทศ บางประเทศได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล หรือบางประเทศตอบว่าไม่สามารถตรวจสอบได้

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานฟังได้ว่านาฬิกาที่ปรากฏเป็นข่าวเก็บรักษาอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท และเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการาคาแพงที่นายปัฐวาท สะสมไว้ แม้ไม่ปรากฏเอกสารการซื้อขายว่านายปัฐวาท เป็นผู้ซื้อนาฬิกาดังกล่าว แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ที่ยึดถือทรัพย์สินนั้นไว้เป็นการยึดถือเพื่อตน จึงต้องด้วยบทสันนิษฐานตามกฎหมายดังกล่าวว่านายปัฐวาท เป็นเจ้าของนาฬิกาตามภาพข่าวจำนวน 21 เรือน และได้ให้พล.อ. ประวิตร ยืมใช้ในโอกาสต่างๆ ตามที่ปรากฏในภาพข่าว

ประกอบกับนายปัฐวาท ได้ให้เพื่อนคนอื่นยืมใช้นาฬิการาคาแพงด้วย จึงรับฟังว่าเป็นการกระทำโดยปกติของนายปัฐวาท  ที่ช่วยดูแลกลุ่มเพื่อนเก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียลที่สนิทสนมกัน รวมถึงเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย ในส่วนของนาฬิกาอีก 1 เรือน ที่ไม่พบตัวเรือนและไม่พบใบรับประกันนั้น

 "แหวน" มรดกตกทอด-แหวนรุ่นไม่มีมูลค่า 

จากการตรวจสอบยังไม่พบรายละเอียดข้อมูลนาฬิกาเรือนดังกล่าว แต่เมื่อนาฬิกาเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย และนายปัฐวาท ได้เสียชีวิตไปแล้ว และเมื่อรับฟังว่าพล.อ.ประวิตร ได้ยืมนาฬิกาจากนายปัฐวาท มาสวมใส่ในการออกงานต่างๆ 21 เรือนข้างต้น จึงรับฟังได้ว่าพล.อ.ประวิตร ได้มีการยืมนาฬิกาเรือนที่ยังตรวจสอบไม่พบมาสวมใส่เช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่านายปัฐวาท และบริษัทคอม-ลิ้งค์ เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด

ส่วนกรณีแหวนที่ปรากฏตามภาพข่าวที่พล.อ.ประวิตร สวมใส่จำนวน 12 วง นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาคำชี้แจงของพล.อ.ประวิตร แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าแหวนจำนวน 3 วงเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของพล.อ.ประวิตร ที่ได้รับมาจากมารดาในขณะดำรงตำแหน่งรองนายก รัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงแหวนดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว

แหวนที่เหลือเป็นแหวนที่เป็นสัญลักษณ์หน่วยทหาร หรือแหวนวัตถุมงคลที่มีราคาไม่มากนำมาใส่เพื่อเป็นศิริมงคล หรือใส่เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของสังกัด จึงไม่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เช่นกัน


จากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 3 ว่ากรณีนี้ยังไม่มีมูลเพียงพอว่าพล.อ.ประวิตร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน

โดยกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อยเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม นอกจากนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้แจ้งข้อมูลนาฬิกาจำนวน 22 เรือน ต่อกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง