วันนี้ (7 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่น พบว่าประชาชนที่มายืนรอรถโดยสารสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองจำนวนมาก หลังจากพบว่าสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 กลับมามีค่าเกินมาตรฐาน
สาเหตุจากสภาพอุตุนิยมวิทยาที่อากาศในช่วงเช้า ลักษณะอากาศไม่เสถียรภาพ อากาศลอยตัวไม่ดี อุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามความสูงในระดับล่าง สภาพอากาศปิด และลมสงบ นิ่ง มีเมฆบางส่วน ส่งผลทำให้
สถานการณ์ PM2.5 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยสถานีวัดคุณภาพอากาศแสดงผลค่าฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
พื้นที่ริมถนน ที่อาจเริ่มส่งผลต่อสุขภาพจำนวน 20 พื้นที่มีค่าระหว่าง 47-89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เช่น ริมถนนพระราม 3 เจริญกรุง เขตบางคอแหลม 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ริมถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ริมถนนนราธิวาส เขตบางรัก และริมถนนสามเสน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วนพื้นที่ทั่วไป มีค่าตรวจวัดได้ระหว่าง 55-77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐาน แต่ก็ยังไม่เกินสูงมากนักอยู่ 16 พื้นที่ ทั้งนี้คาดการณ์ จากข้อมูลกรมอุตุนิยมนิยมวิทยาว่าคุณภาพอากาศในวันพรุ่งนี้จะอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและ จากโมเดลพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา วันที่ 6-7 ม.ค.นี้ อากาศยังคงลอยตัวไม่ดีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามความสูงในระดับล่าง สภาพอากาศปิด
สาเหตุที่มำให้ฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยา ประกอบกับปริมาณการจราจรใน กทม.และปริมณฑล ที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหมดช่วงวันหยุดยาว การระบายฝุ่นละอองไม่ดีนัก
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ได้ประสานงานกับ กทม. เพื่อดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างเข้มงวดขึ้น เช่น การกวาดล้างถนน การฉีดพ่นละอองน้ำ และจะประสานหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดต่อไป