นายกฯ ชี้ผู้ก่อเหตุชายแดนใต้ หวังสร้างเงื่อนไขดึงต่างชาติแทรกแซง

วันนี้ (21 ม.ค.2562) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์สถานการณ์ความรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในระยะนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามในการสร้างสถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง และพยายามดึงเข้าสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง เพื่อทำให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยไปสู่สากล ให้เกิดการรับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการใช้การเสนอข่าวของสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือ ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้

ก่อเหตุรุนแรง สร้างเงื่อนไขดึงองค์กรระหว่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำลายขวัญและกำลังใจ รวมทั้งความอดทนในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีของไทย มุ่งหวังจะให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเข้าสู่เงื่อนไขสากล นำไปสู่การปฏิบัติการขององค์การระหว่างประเทศดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศ

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสังคม สื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ ให้เข้าใจในประเด็นนี้และช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น ด้วยการเพิ่มการเฝ้าระวัง แจ้งข่าวสาร และไม่สนับสนุนความพยายามดังกล่าว ขณะที่ประชาชนซึ่งถือเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เช่น ครู นักเรียน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนา ประชาชนทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยได้ดูแลและเฝ้าระวังอยู่แล้ว แต่อาจไม่ทั่วถึง 100% เนื่องจากพื้นที่ที่มีความกว้าง หากประชาชนพื้นที่ใดต้องการให้มีการดูแลเป็นพิเศษ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ได้โดยตรง ตลอดจนขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและให้ข้อมูลข่าวสารกับเจ้าหน้าที่ด้วย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาล และ คสช. ขอให้ทุกคนให้กำลังใจประชาชนทั่วไป ผู้นำศาสนาทุกศาสนา ครู นักเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ทุกคนในพื้นที่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย และขอให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เคารพกฎระเบียบ กติกาที่ฝ่ายความมั่นคงกำหนด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เช่น การตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ การตรวจยานพาหนะ การตรวจค้นสถานที่ฯลฯ

เดินหน้าคุยสันติสุข ขอ NGO เข้าใจ ปชช.-จนท.

ส่วนการพูดคุยสันติสุขยังคงดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ประชาคมโลกได้ทราบว่ารัฐบาลได้ทำทุกมาตรการ ไม่เพียงแต่บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงบางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วย จึงสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาองค์การควาร่วมมืออิสลาม (OIC) ก็ให้การสนับสนุนแนวทางของไทยมาโดยต่อเนื่อง สำหรับนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่ม NGO ต่าง ๆ ขอให้เข้าใจและดูแลทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐด้วย