วันนี้ (31 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายจัดการแข่งขันอะเมเซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอนแบงค็อก 2019 ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อวิกฤตฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น แต่ยังต้องรอการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรุงเทพมหานคร การกีฬาแห่งประเทศไทย และตำรวจจราจร แต่มาตรการที่เดินหน้าไปแล้วขณะนี้คือการล้างถนน ดูดฝุ่นตลอดเส้นทางการวิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นคลุ้งขึ้นมาขณะวิ่ง
แต่ภายในเวลา 12.00 น. หรืออย่างช้าไม่เกิน 15.00 น.ของวันเสาร์ที่ 2 ก.พ.นี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันจะตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเดินหน้าต่อ หรือเลื่อนออกไป รวมถึงยกเลิกการแข่งขัน ขณะนี้ได้ประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อขอใช้เครื่องมือวัดค่าฝุ่นละอองที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะนำมาทดสอบวัดค่า AQI ตลอดเส้นทางการวิ่งในคืนวันนี้ (31 ม.ค.) ไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ.นี้
แม้สถาณการณ์ฝุ่นละอองในกรุงเทพมหานครยังวิกฤต แต่ผู้สมัครร่วมการแข่งขันยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน บางคนแสดงความมั่นใจและพร้อมเข้าร่วมการแข่งขัน โดยเตรียมซ้อมวิ่งขณะใส่หน้ากากอนามัยเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ขณะที่บางคนรอการประเมินสถานการณ์จนถึงวันที่ 2 ก.พ.นี้และอาจตัดสินใจไม่เข้าร่วมการแข่งขัน เพราะวิตกกับผลกระทบต่อร่างกาย
นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา อายุรแพทย์หัวใจโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ แนะนำผู้เข้าแข่งขันประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนบางคนที่คิดว่าจะใส่หน้ากากขณะวิ่ง มีข้อแนะนำว่าควรเป็นหน้ากาก N95 แต่ก็มีข้อระวัง เพราะการใส่หน้ากากขณะวิ่งจะทำให้เหนื่อยง่าย ร่างกายต้องใช้พลังในการหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวจะกระตุ้นให้โรคกำเริบได้
กรณีที่ไม่มีการยกเลิกการแข่งขัน แต่ปัญหาฝุ่นยังวิกฤต ฝ่ายจัดการแข่งขันอาจปรับระยะการวิ่งให้สั้นลงเหลือเพียง 10 กิโลเมตร ซึ่งมาเลเซียเคยใช้มาตรการนี้ขณะเผชิญกับปัญหาควันจากไฟป่า แต่หากต้องยกเลิกการแข่งขัน ฝ่ายจัดการแข่งขันยืนยันว่าได้เตรียมมาตรการเยียวยาผู้เข้าแข่งขันไว้แล้ว โดยขอให้ผู้เข้าแข่งขันติดตามประกาศแจ้งเตือนจากเว็บไซต์การแข่งขันอย่างเป็นทางการ