วันนี้ (5 ก.พ.2562) ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ นายไมตรี จงไกรจักร มูลนิธิชุมชนไท สะท้อนถึงวิถีชาวมอแกน บนเกาะบอนใหญ่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ว่า มอแกน ที่เกาะสุรินทร์ เป็นชาวเลดั้งเดิม ที่มีวิถีชีวิตผู้กพันกับท้องทะเล ทำมาหากินเก็บหอย หาปลา ทำประมง เพื่อเลี้ยงปากเลี่ยงท้องกินในครอบครัว และบางส่วนถ้าเหลือจะนำมาแลกเป็นของใช้อื่นๆ ต่อมาเมื่อมีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ทำให้มอแกน ที่เคยอาศัยตามเกาะน้อยใหญ่ เช่น เกาะบอนเล็ก เกาะบอนใหญ่ เริ่มมีข้อจำกัดในสิทธิ์ที่ดิน เพราะถูกจัดให้มาร่วมกันอยู่บนเกาะบอนใหญ่ที่เพิ่งถูกไฟไหม้
แม้จะไม่ขัดแย้ง แต่วิถีมอแกนที่เคยมีอิสระในการหาปลาหาหอย ก็ถูกจำกัดแค่เฉพาะหากิน ดำน้ำจับปลาเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะช่วง 15 ปีที่ผ่านมา วิถีของมอแกนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลมากมาย
มอแกนชาย ต้องหาอาชีพอื่นๆ เช่น ช่วยทำงานในอุทยานฯ พายเรือให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะ ส่วนมอแกนหญิง และเด็กๆ จะนั่งรอนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมวิถีชีวิตในหมู่บ้าน ด้วยการขายผลิตภัณฑ์แกะสลัก เช่น เรือไม้ เต่าทะเล ถักสร้อยข้อมือที่พวกเขาผลิตเองมาวางขาย
การท่องเที่ยวชมหมู่บ้านมอแกน เป็นหนึ่งในทริปที่บริษัททัวร์ต้องจัดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปวันละมากกว่า 500-1,000 คนนักท่องเที่ยวบางคนยังมีอคติว่าถ้าไปเกาะสุรินทร์ ต้องไปชมมอแกน คล้ายกับไปดูสวนผีเสื้อไม่ได้ซึมซับและเคารพในวิถี
สิทธิบุคคล-สิทธิชุมชนที่หายไป
ไมตรี บอกว่า ชาวมอแกน ไม่ได้อยากเปลี่ยนวัฒนธรรมของพวกเขา แต่ต้องปรับให้อยู่กับความเปลี่ยน แปลงในวิถีชีวิตที่เกิดขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งรายได้ที่ช่วยหล่อเลี้ยง แม้จะไม่มากนักกับการที่ต้องนั่งกับพื้นทรายขายของ นั่งรอนักท่องเที่ยวที่อาจจะอุดหนุนเพียงไม่กี่คน แทนที่จะได้ไปหาหอย หาปลาตามเดิม ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังไม่มีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดเรื่องสิทธิอื่นๆ เช่น สิทธิด้านการศึกษา สิทธิการรักษาพยาบาล เพราะยังมีมอแกนที่ได้รับสัญชาติไม่ครบ ทำให้การเข้าถึงสิทธิของรัฐถูกจำกัด ซึ่งรวมไปถึงการจำกัดพื้นที่บ้านที่มีขนาดเพึยง 4-6 เมตร บางครอบครัวมีลูกเล็กๆ จำเป็นต้องแยกครอบครัว แต่กลับต้องอาศัยในบ้านหลังเดียวที่เคยพูดคุยบางครอบครัวอยู่ถึง 9 คนในบ้าน
ข้อเสนอจากเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ อยากให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ต้องจัดผังชุมชนหรือโซนนิ่งพื้นที่บนเกาะบอนใหญ่ให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตของมอแกน เพราะพื้นที่ตรงนั้นทั้งอ่าวควรจะขยายพื้นที่ให้ชุมชนได้อยู่อาศัยที่ดีขึ้น การสร้างบ้านแบบเดิม และไม่จำกัดการการขยายบ้าน
อยากให้กันขอบเขตให้ชัดเจนด้วยการประกาศพื้นที่คุมครองวัฒนธรรมมอแกน เพื่อให้สิทธิกับมอแกนในการอยู่อาศัยบนพื้นที่นี้ โดยมีอุทยานเป็นที่ปรึกษาทำงานกับมอแกน ซึ่งเราพยายามให้จัดการเรื่องนี้ตามมติคณะรัฐมนตรี 2 มิ.ย.2553 เรื่องแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล เพื่อให้เขาอยู่แบบปลอดภัย
เปิดงานวิจัย วิถีชีวิตมอแกน..
ข้อมูลที่น่าสนใจ ในหนังสือ “วิถีชีวิตมอแกน…” เขียนโดย ดร.นฤมล อรุโณทัย จากสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับพลาเดช ณ ป้อมเพชร อรุณ แถวจัตุรัส ฟาเทอร์ และจีระวรรณ์ บรรเทาทุกข์ ภายใต้โครงการนาร่องอันดามัน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวบรวมถึงความมั่นคงในการรักษาวิถีชีวิตแบบเดิมและการอยู่อาศัยบริเวณชายฝั่ง
โดยระบุว่า ดังนั้น ในอดีตกลุ่มเรือและกลุ่มบ้านมอแกนมีขนาดเล็ก กระจายอยู่ในบริเวณต่างๆ และมีการโยกย้ายเป็น ครั้งคราวในหมู่เกาะสุรินทร์ มีชายหาดที่มอแกนเคยตั้งถิ่นฐานในอดีตกว่า 10 แห่ง รวมทั้งในบริเวณที่เป็นที่ทาการอุทยานแห่งชาติในปัจจุบันด้วย ดังนั้นควรจะให้สิทธิมอแกนในการเลือกสถานที่อยู่อาศัยและการตั้งหมู่บ้านได้
การมีหมู่บ้านขนาดใหญ่และแออัดนั้นไม่เป็นผลดีกับทั้งมอแกน และทรัพยากรธรรมชาติควรจะให้สิทธิมอแกนในการเลือกสถานที่อยู่อาศัย และการตั้งหมู่บ้านได้
นอกจากนั้นควรจะรับรองความมั่นคงในที่อยู่อาศัยของมอแกนในฐานะชนพื้นเมือง ที่เข้ามาทำมาหากินและตั้งเพิงพักบริเวณนี้ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครอง มิฉะนั้นมอแกนจะเป็นเช่นชุมชนชาวเลส่วนใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดินและถูกไล่รื้อในอนาคต จะเป็นการทำลายสังคมและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้โดยสิ้นเชิง เพราะวิถีของชาวเลผูกพันกับทะเลอย่างยิ่ง ทางหน่วยราชการควรมีการประสานงานเพื่อรับรองสิทธิในที่อาศัยและที่ทามาหากินของมอแกน
ส่วนสิทธิพื้นฐานในการได้รับการรับรองสถานะบุคคลโดยหน่วยงานรัฐ พบว่ามอแกนเป็นชนพื้นเมืองที่เดินทางไปมาทำมาหากิน และอยู่อาศัยบริเวณเกาะต่างๆ ในหมู่เกาะมะริด (รวมถึงหมู่เกาะสุรินทร์) มานับร้อยปีมาแล้ว เส้นพรมแดนที่ขีดขึ้นจึงเป็นเส้นสมมุติที่มากาหนดความเป็นรัฐในภายหลัง
ในปัจจุบันมีมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์มีกว่า 30 คนที่มีบัตรประชาชนที่เหลือเป็น “คนไร้รัฐ” และไม่ได้รับการรับรองสถานะบุคคล ดังนั้นควรจะมีการพิจารณากลุ่มที่เหลือ และควรมีการผลักดันให้มีการยอมรับวิถีชีวิตเร่ร่อน โดยรับรองสิทธิในการอพยพโยกย้ายและเยี่ยมญาติบริเวณเกาะต่างๆ
ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสถานะบุคคลมอแกนนั้น ต้องดาเนินงานโดยพิจารณาถึงพื้นฐานทางวัฒนธรรมของมอแกน ต้องกระทาโดยละเอียดรอบคอบ มีเวลาที่เพียงพอในการเก็บข้อมูล และให้เกียรติกับผู้ที่ให้ข้อมูลด้วย การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสถานะบุคคลที่ดาเนินงานโดยหน่วยงานรัฐที่ผ่านมาบางส่วน
รวมทั้งการรับรองการเกิดของเด็กๆ ในชุมชนมอแกน บันทึกการเกิดของเด็กทุกคนและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อรับรองการเกิดและเพื่อให้ได้รับเอกสารรับรองบุคคลในรูปของใบสูติบัตร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“มอแกน” หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นใคร
10 เรื่อง ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ "มอแกน"