วันนี้ (14 ก.พ.2562) เวลา 11.00 น. น. ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงและกรรมการบริหารพรรค นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค แถลงข่าวท่าทีและจุดยืนหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า วันนี้ผู้ที่ทำงานเป็นประธานและกรรมการด้านต่าง ๆ ภายในพรรค และทั้งหมดเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ได้เข้าหารือกรณีเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาที่พรรคกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ เนื่องจากเหตุการณ์ไปถึงขั้นที่จะดำเนินการยุบพรรค ในข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เราติดตามกรณีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรค ด้วยความห่วงใยมาโดยตลอด เมื่อถึงขั้นที่ กกต.เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องยุบพรรค ถือว่าเรื่องได้เข้าสู่กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ
นายจาตุรนต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้พูดคุยกับกรรมการบริหารพรรคหลายคนหลังจากวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ทราบว่าคณะกรรมการบริหารมีเจตนาดีและดำเนินการไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อเรื่องนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ ไม่มีปัญหาเพิ่มขึ้น จึงขอยุติการปราศรัยใหญ่ที่มีประชาชนจำนวนมาก จนว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยแล้วเสร็จ แต่การหาลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ต่าง ๆ กว่า 100 เขต ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ โดยพรรคยืนยันที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาประเทศ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และผลักดันในเกิดประชาธิปไตย
ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของสถานการณ์ ข้อกล่าวหาและประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยตรงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การปราศรัยพบกับคนจำนวนมากไม่น่าจะเป็นผลดี ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนมีสิทธิตามกฎหมายและอยู่ในฐานะที่ต้องพบและพูดคุยกับประชาชน ตราบใดที่ยังไม่มีข้อห้ามอะไร เว้นการปราศรัยขนาดใหญ่
ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ เชื่อมั่นว่า การยุติปราศรัยใหญ่จะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรค เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคได้ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายอย่างสม่ำเสมอ ยืนยันว่าภายในพรรคไม่ได้มีรอยร้าวใด ๆ และพร้อมร่วมแก้ปัญหาจนถึงที่สุด
ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคใน 100 กว่าเขต ยังมีสถานะของการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่การงดจัดเวทีปราศรัยใหญ่และยุติภารกิจขับเคลื่อนจากส่วนกลาง เพื่อให้พรรคได้มีสมาธิและมีช่วงเวลาในการติดตามสถานการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีความชัดเจนและได้ข้อสรุป มั่นใจว่าหากพรรคไทยรักษาชาติยังมีสถานะเป็นพรรคการเมืองจนถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือไม่มีสถานะดังกล่าวแล้ว ประชาชนก็ยังคงตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ