วันนี้ (15 ก.พ.2562) เพจเฟซบุ๊ก จิตอาสา Go-Eco Phuket ได้เผยแพร่คลิปความยาว 53 วินาทีพร้อมข้อความ #ตายตายตาย!!! ถ้านักดำน้ำไม่ผ่านมาปลาน้อยตัวนี้ก็คงต้องตาย นี่คือเหตุผลว่าทำไม่เราถึงต้องรณรงค์เรื่องการทิ้งขยะ เนื่องจากประเทศไทยเรามีพื้นที่ทางทะเลรวม 323,488.32 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 60% ของพื้นที่ทางบก ความยาวชายฝั่งทะเลเท่ากับ 3,151.13 กิโลเมตร ขณะที่สุขภาพของทะเลไทย ตอนนี้อยู่ในขั้นโคม่า เพราะติดอันดับ 6 เรื่องปล่อยขยะลงสู่ทะเลมากที่สุด ช่วยกันเถอะครับ ไม่ทิ้งขยะไม่ทำลายปะการัง และช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วยนะ
โดยคลิปดังกล่าว พบว่านักดำน้ำไปเจอปลาทะเลตัวหนึ่ง ซึ่งหากมองผิวเผิน จะคิดว่ามันตายแล้วแต่เมื่อหยิบขึ้นมาดู จึงพบว่าปลาตัวนี้ยังไม่ตาย เพียงแต่ติดอยู่ในถุงร้อนใส่แกง ที่มีขนาดเกือบพอดีตัวปลา เมื่อนักดำน้ำช่วยเหลือโดยให้มันออกจากถุงได้ ปลาตัวนี้ก็ว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นนักดำน้ำก็เก็บถุงพลาสติกออกจากทะเล
โดยหลังมีการแชร์คลิปนี้ในกลุ่มนักอนุรักษ์จำนวนมาก ชื่นชม รวมทั้งพูดถึงปัญหาขยะตกค้างในทะเล โดยเพจกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์์พืช ระบุว่า อันตราย!!!...แอดมินนำมาให้ชมกันเพราะนี่คือนาทีชีวิตของเจ้าปลาทะเลตัวนี้เลย เราต่างก็รับรู้กันมาตลอดว่าขยะพลาสติกมันอันตรายไม่ว่าจะสัตว์น้ำ สัตว์ป่า หรือสัตว์ทุกชนิด....ลดละเลิกเริ่มที่ตัวเรานะคะ...ช่วยกันๆ...จิตสำนึกสำคัญที่สุด...
ทั้งนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานว่า ปัญหาขยะเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่ในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ต้องมีความร่วมมือกันระหว่างประเทศในภูมิภาคแก้ปัญหาขยะทะเล จากสถิติสัตว์ทะเลหายากที่ได้รับผลกระทบจากขยะทะเลในรอบ 3 ปี (ระหว่างปี 2558-2560) มีเต่าทะเลเกยตื้น 109 ตัว โลมาและวาฬเกยตื้น 9 ตัว และพะยูนเกยตื้น 4 ตัว โดยในปี 2560 มีจำนวนสัตว์ทะเลเกยตื้น 413 ตัวหรือร้อยละ 16 เพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว โดยกินขยะพลาสติกตายร้อยละ 51 และถูกพันยึดภายนอกร่างกายจากขยะพลาสติกและเศษอวน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เต่าตนุแหลมฉบังไม่รอด! "ไม่ใช่แค่วาฬที่ตายเพราะขยะทะเล"
ขอ "วาฬนำร่องครีบสั้น" สัตว์ตัวสุดท้ายสังเวยชีวิต “เหยื่อขยะ”