วานนี้ (27 ก.พ.2562) ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข 3 ฉบับ เป็นกฎหมายรองจากพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ที่เพิ่งแก้ไขเพื่อปลดล็อกการใช้กัญชาทางการแพทย์
ใจความสำคัญของทั้ง 3 ฉบับ คือ ให้แจ้งการครอบครอง กำหนดหน่วยงานที่สามารถครอบครองได้ ส่วนผู้ที่ไม่เข้าเงื่อนไขการครอบครอง ให้ส่งคืนกัญชากับหน่วยงานรัฐเพื่อตรวจสอบและทำลาย ถ้าทำภายในกำหนดจะไม่มีความผิด โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
กลุ่มที่จะได้รับการนิรโทษ ต้องแจ้งการครอบครองกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ ภายใน 90 วัน หลังพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมีผลบังคับใช้ หรือเริ่มแจ้งได้ตั้งแต่วันนี้ โดย 7 กลุ่มที่จะได้รับการนิรโทษ ได้แก่
- หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย ให้บริการ หรือจัดการเรียนการสอนทางแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือเกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามยาเสพติด หรือสภากาดไทย
- ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้าน
- สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือจัดการเรียนการสอนทางแพทย์
- เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตร แต่จะครอบครองได้ ต้องมีหน่วยงานรัฐตามข้อ 1 หรือสถาบันอุดมศึกษา ตามข้อ 3 ร่วมมือและกำกับดูแล
- ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ
- ผู้ป่วยเดินทางต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องนำกัญชาติดตัว เข้าหรือออกราชอาณาจักร
- ผู้ขออนุญาตตามที่รัฐมนตรีเห็นชอบ
ทั้งนี้ ต้องแจ้งการครอบครองที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ส่วนฉบับที่ 2 สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องครอบครองกัญชา ต้องแสดงเอกสารต่อแพทย์ แสดงอาการเจ็บป่วย ปริมาณการครอบครองต้องเหมาะสมกับลักษณะโรค หรือที่จำเป็นต้องใช้ และหลังจากนั้นต้องได้รับการสั่งจ่ายกัญชาจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต
ขณะที่ ฉบับที่ 3 สำหรับผู้ไม่ได้รับอนุญาตครอบครองกัญชาและต้องส่งคืนให้กระทรวงสาธารณสุข ผ่านคณะทำงานตรวจรับ และคณะทำงานทำลายกัญชา
ทั้งนี้ ประกาศทั้ง 3 ฉบับ ตราขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ.2562 ที่ระบุว่า ผู้ใดมีไว้ในครอบครองกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การใรักษาโรคเฉพาะตัว หรือการศึกษาวิจัย อยู่ก่อนวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ไม่ต้องรับโทษ
เมื่อยื่นคำขออนุญาตต่อเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาภายใน 90 วัน นับแต่กฎหมายใช้บังคับ รวมทั้งผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคเฉพาะตัว และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในกรณีไม่ได้รับอนุญาตให้ยาเสพติดให้โทษนั้นตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุข หรือให้ทำลาย