วันนี้ (28 ก.พ.2562) การประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-สหรัฐอเมริกา ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เริ่มต้นเมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมโซฟิเทล ลีเจนด์ เมโทรโพล โดยผู้นำสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ ได้หารือแบบสองต่อสองประมาณ 45 นาที ตามด้วยการประชุมแบบเต็มคณะ คาดว่าผลที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อปูทางไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
นักวิเคราะห์คาดว่า สิ่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเกิดขึ้นจากการประชุมในครั้งนี้คือ การออกแถลงการณ์ร่วมเห็นชอบให้ยุติสงครามเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปี 1953 เท่ากับว่าในทางเทคนิคเกาหลีทั้งสองฝ่ายยังอยู่ในภาวะสงคราม หากมีความตกลงให้ยุติสงครามจริง ก็ยังเป็นแค่แถลงการณ์ทางการเมืองเท่านั้น ยังไม่มีผลใด ๆ แต่ความตกลงนี้จะนำไปสู่การลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ ซึ่งถือเป็นการยุติสงครามอย่างแท้จริง
อีกประเด็นหนึ่งที่คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงคือ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของสองประเทศ
ส่วนการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ มีความเป็นไปได้ว่า คิม จะยอมทำลายโรงงานนิวเคลียร์ยองเบียน ซึ่งเคยเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ คาดว่าทรัมป์จะไม่กดดันหรือเร่งรัดให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์
ล่าสุด ทรัมป์บอกว่าเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา คำพูดนี้อาจตีความได้ว่าทรัมป์ไม่ต้องการเร่งรัดให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของทรัมป์ก่อนหน้าการประชุม ที่บอกว่าตราบใดที่เกาหลีเหนือไม่ทดสอบนิวเคลียร์ สหรัฐฯ ก็พอใจแล้ว
หากมีข้อตกลงเหล่านี้จริง ก็ถือว่าผลการประชุมมีข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมมากกว่าการประชุมที่สิงคโปร์ ที่เคยมีแถลงการณ์ร่วมกัน 4 ข้อก่อนหน้า ได้แก่
1.สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือจะสร้างสัมพันธ์กันใหม่
2.จะร่วมกันสร้างสันติภาพถาวรบนคาบสมุทรเกาหลี
3.ยืนยันปฏิญญามุนจอมของผู้นำเกาหลีทั้งสองฝ่าย ว่าเกาหลีเหนือมีพันธะในการลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
4.สหรัฐฯและเกาหลีเหนือจะร่วมกันค้นหาผู้หายสาปสูญระหว่างสงครามและเชลยสงคราม ซึ่งมีความคืบหน้าน้อยมาก
กำหนดการในวันนี้ ผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ จะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน จากนั้นจะมีพิธีลงนามในข้อตกลงร่วมกันเวลา 15.05 น.และปิดท้ายด้วยการแถลงข่าวของทรัมป์ในเวลา 16.50 น.