ระดมกำลังเร่งดับไฟป่าลุกลามดอยพระบาท จ.ลำปาง

เช้าวันนี้ (4 มี.ค.2562) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษควบคุมไฟป่าและเจ้าหน้าที่หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า ในสังกัดกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และประชาชน รวมกว่า 100 คน ระดมเครื่องมืออุปกรณ์ พร้อมเสบียงอาหาร เข้าไปสมทบกับเจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวไฟ-เสือไฟ อีกกว่า 80 นายในปฏิบัติการดับไฟป่าก่อนหน้านี้

โดยเจ้าหน้าที่ ระบุว่า ไฟป่ายังลุกไหม้รุนแรง โดยเฉพาะพื้นที่เขาสูงชันและเป็นป่าลึก ทำให้การเข้าไปปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบากและใช้เวลาเดินนานกว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุ ขณะที่ไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็ว

เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำเครื่องเฮลิคอปเตอร์เข้าโปรยน้ำทางอากาศจนสามารถควบคุมไฟป่ารอยพระบาท ฝั่งบริเวณที่ตั้งเสาทวนสัญญาณโทรทัศน์ได้ แต่ฝั่งด้านหลังสวนรุกขชาติ หรือหลังศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง ไฟป่ายังลุกลามขยายวงกว้าง

ขณะที่วันนี้ (4 มี.ค.) กองกำลังผาเมือง กองทัพภาคที่ 3 จะได้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์มาสนับสนุนดับไฟทางอากาศ ร่วมกับเฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจะระดมกำลังทหารในพื้นที่มาเพิ่มเพื่อดับไฟที่ลุกไหม้ทั้งหมดโดยเร็ว

นอกจากที่ จ.ลำปาง ยังมีอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือก็เกิดไฟป่าขึ้นอีกหลายจุด โดยที่ จ.พะเยา เกิดไฟป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ต.ห้วยลาน และ ต.ป่าซาง อ.ดอกคำใต้ เจ้าหน้าที่ชุดดับไฟของกรมป่าไม้ ฝ่ายปกครอง และทหาร ระดมกำลังเข้าดับไฟป่า ซึ่งสร้างความเสียหายแล้วหลายร้อยไร่

คุณภาพอากาศภาคเหนือ "เริ่มมีผลต่อสุขภาพ"

ขณะที่ 9 พื้นที่ภาคเหนือ ยังเผชิญค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศสูงเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักเกิดจากไฟป่า และสภาพภูมิประเทศ

กรมควบคุมมลพิษ รายงานคุณภาพอากาศตั้งแต่เวลา 09.00 น. วันนี้ (4 มี.ค.) พบว่า ภาคเหนือมีคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานในระดับสีส้ม 9 สถานีวัด คือที่ จ. เชียงราย 1 สถานี, ลำปาง 3 สถานี, ลำพูน 1 สถานี, แม่ฮ่องสอน 1 สถานี, น่าน 2 สถานี และพะเยา 1 สถานี ซึ่งคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจุดที่ดัชนีคุณภาพอากาศสูงสุด คือสถานีวัด ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน วัดได้ 182 โดยค่า PM 2.5 วัดได้ 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร