วันนี้ (19 มี.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีคำพิพากษาคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี โดยศาลสั่งจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 เดือน, จำคุกนายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 13 เดือน, จำคุกนางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 4 เดือน และจำคุกนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 2 ปี 17 เดือนนั้น
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุบลราชธานี) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ศาลได้ไต่สวนและอ่านคำพิพากษา รู้สึกพอใจ เพราะก่อนหน้านี้คาดว่าจำเลยอาจได้รับโทษน้อยกว่านี้ แต่ศาลได้ตัดสินจำคุกจำเลยที่ 1 คือนายเปรมชัย กรรณสูต เป็นเวลา 16 เดือนและไม่รอลงอาญา
ถามว่า 16 เดือนมากไหม จากคดีเก่าที่เราได้สืบเสาะมาและมีคดีเก่าที่เป็นบทเรียนก็ยังไม่ถึง 16 เดือน วันนี้ศาลตัดสินถึง 16 เดือน ไม่รอลงอาญา
ส่วนรายละเอียดอยากให้รอเอกสารของศาล เนื่องจากศาลและผู้บังคับบัญชาได้กำชับว่าให้สัมภาษณ์เฉพาะที่เป็นสาระสำคัญในส่วนที่มีการตัดสินลงโทษเท่านั้น
ขณะที่ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ระบุว่า คำพิพากษาวันนี้เป็นไปในทางที่ดีกับเสือดำและสัตว์ป่าที่ตายไป และรู้สึกพอใจในระดับหนึ่ง ส่วนจะอุทธรณ์หรือไม่ต้องปรึกษากับผู้บังคับบัญชาระดับสูงและอัยการ
ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมหลายๆ คนทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ทุ่มเท ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ วันนี้เราสามารถคงความยุติธรรมให้กับเสือดำที่ตายไป
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการพูดกันว่าจะมีมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ หรือกฎหมายจะเอื้อมมือไปถึงผู้ที่มีอำนาจทางการเงินหรือไม่นั้น วันนี้ได้พิสูจน์แล้วและศาลได้ทำให้มันกระจ่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนจะยืนหยัดทำงานต่อไป
อธิบดีกรมอุทยานฯ เตรียมสู้คดีชั้นอุทธรณ์
ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้กล่าวถึงผลการพิพากษาคดีว่า ศาลได้ตัดสินคดีอย่างยุติธรรม เบื้องต้นกรมอุทยานฯ พอใจคำตัดสินในระดับหนึ่ง แต่มองว่าฐานความผิดควรมีโทษจำคุกมากกว่านี้ พร้อมมั่นใจว่าหลักฐานที่มีอยู่เพียงพอสำหรับสู้คดีต่อ หลังจากนายเปรมชัยได้ยื่นอุทธรณ์ แต่หากมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมที่จะเอาผิด กรมอุทยานฯ จะยื่นต่อศาลเพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อไป
ขอบคุณศาลที่ได้ตัดสินคดีเกี่ยวกับสัตว์ป่า เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในอนาคต ให้สังคมเห็นว่าภาครัฐไม่ได้ปล่อยปละละเลย หรือดำเนินคดีเอาผิดแบบเลือกปฏิบัติ
อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าใครก็ตาม และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน