วันนี้ (22 มี.ค.2562) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเริ่มการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย แสดงความมั่นใจว่าจะมี ส.ส.เข้าไปนั่งในสภาฯ อย่างแน่นอน ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และจะสามารถปักธงได้ในทุกภาคทั่วประเทศ แม้ว่าแต่ละพื้นที่จะมีเจ้าถิ่นและฐานเสียงเก่า เพราะเชื่อว่าประชาชนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมืองแบบเดิม และร่วมกันคืนบ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตย
เมื่อถามถึงข้อเสนอปิดสวิตซ์ ส.ว. นายธนาธร ระบุว่าหากพรรคการเมืองที่เคยประกาศเจตนารมณ์ไม่สืบทอดอำนาจ คสช. ร่วมมือกันให้มีเสียง ส.ส.ยกมือสนับสนุนนายกฯ จากพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเกิน 376 เสียง ทั้งจากฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยต้องไม่เปิดโอกาสให้ ส.ว.ได้เลือกนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ย้ำว่าต้องจบทั้ง ลุงตู่ พลังประชารัฐ และ ส.ว. จึงจะเป็นการคืนความสงบสุขให้ประเทศอย่างแท้จริง
ต่อคำถามถึงจุดยืนก่อนหน้านี้ เรื่องนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส. นายปิยบุตร ระบุว่าพรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันเช่นเดิม โดยรายชื่อผู้ที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่จะยกมือให้จะต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยพฤษภาคมปี 2535
เวทีปราศรัยเริ่มต้นใน เวลา18.00 น. โดย “กอล์ฟ” ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 9 เป็นตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.กลุ่มเพศหลากหลาย ได้พูดบนเวทีเป็นคนแรก โดยประกาศว่า "จะเป็น ส.ส.กะเทยคนแรกของประเทศไทย เพื่อผลักดันให้เกิดความเสมอภาคของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ"
จากนั้น พัชรนัน นิธิยศจิระโชต์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ปทุมธานี ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ผู้พิการ ขึ้นปราศรัย ประกาศผลักดัน universal design เพื่อทุกคน และสงวนอาชีพเพื่อคนพิการ โดยเป็นที่สังเกตว่าในงานปราศรัยของพรรคอนาคตใหม่ มีล่ามภาษามือตลอดการรายงานสดผ่านเฟซบุ๊กของพรรคด้วย
ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 24 ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.กลุ่มชาติพันธุ์ ขึ้นเวทีทักทายด้วยภาษาม้ง พร้อมแต่งกายด้วยชุดของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง แสดงความมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะมีตัวแทนชาติพันธุ์เข้าสภา พร้อมเข้าไปผลักดันเขตวัฒนธรรมพิเศษให้ชาวเขาและชาวเลด้วยตัวเอง
วรรณวิภา ไม้สน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 3 ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส. ปีกแรงงาน อดีตแกนนำสหภาพไทรอัมพ์ ประกาศยืนยันจะเป็นตัวแทนแรงงานตัวจริงที่เข้าไปนั่งในกระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้ ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.จากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเช่นกัน เช่น ศรีนวล บุญลือ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ ประกาศเดินหน้ากระจายอำนาจ ตามข้อเสนอของคนเชียงใหม่ ผลักดัน “เชียงใหม่มหานคร” โดยเชื่อว่าหากเชียงใหม่ทำได้ จังหวัดอื่นก็ทำได้เช่นกัน
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ย้ำจุดยืนไม่สืบทอดอำนาจไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง พร้อมเดินหน้า 3 ยุติ คือ ยุติการสืบทอดอำนาจ, ยุติการทำรัฐประหาร และยุติการเมืองแบบเก่า
พรรคอนาคตใหม่จะจัดการทบทวนบรรดากฎหมายต่างๆ ที่ คสช.กำหนดขึ้นมา โดยจะจัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 แก้ 1 มาตราเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนและให้ประชาชนเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแบบอารยชน พรรคอนาคตใหม่ต้องการหลอมรวมให้คนไทยทุกคนเท่าเทียมกัน
ในโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง พรรคไม่มีคำว่าโหวตทางยุทธศาสตร์ มีแต่โหวตเพื่ออนาคต เพื่อความเปลี่ยนแปลง เพื่อความหวัง เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้า
ปิดท้ายการปราศรัยใหญ่ด้วยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เริ่มต้นด้วยการขอบคุณชาวอนาคตใหม่ที่ร่วมกันสร้างพรรคขึ้นมา พร้อมระบุว่า ระยะเวลา 1 ปี 7 วัน จากความขับข้องใจ เห็นสังคมไทยที่มีความเหลื่อมล้ำ เห็นการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมระหว่างคนจนและคนรวย เห็นระบบรับราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบสนองและไม่เข้าใจความต้องการของประชาชน และประชาชนยังอยู่กับความหวาดกลัว สังคมอยู่อย่างไม่มีความหวังมาตลอด 5 ปี
ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาในชุมชนและจังหวัดต่างๆ ทำให้เห็นศักยภาพของคนไทยที่มีอยู่จำนวนมาก และเห็นปัญหาหลายๆ ด้านของประชาชน
นายธนาธร เชื่อว่าจะสามารถสร้างสังคมที่ทุกคนเท่ากันในสิทธิและโอกาส และเป็นประเทศที่มีบริการสาธารณะมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล พัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวหน้า และพร้อมเผชิญหน้ากับโลกาภิวัฒน์อย่างไม่เกรงกลัว จึงอยากเห็นการพัฒนา ยกระดับเศรษฐกิจไทยเท่าทันโลกและอยากเห็นประเทศไทยทะยานเต็มศักยภาพในเวทีโลกอย่างไม่อายใคร
แต่การจัดการปัญหาในประเทศไทย จำเป็นต้องจัดการปัญหา 2 ส่วนเท่าๆ กันคือ ต้องจัดการปัญหาเชิงประเด็น ขณะเดียวกันก็ต้องจัดการปัญหาโครงสร้างด้วยความรอบคอบ พรรคอนาคตใหม่เลือกใช้วิธีแก้ปัญหาและเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านทางรัฐสภา ผ่านการเลือกตั้งด้วยวิถีทางที่เป็นประชาธิปไตย
ไม่มีทางลัดในการสร้างสังคมที่ดี รัฐประหารเป็นทางลัดในการสร้างสังคมที่ดีไม่ได้
นายธนาธร ยังกล่าวว่า ประวัติศาสตร์ในทุกประเทศบอกเราครั้งแล้วครั้งเล่าว่าระบอบเผด็จการที่ปกครองประชาชนด้วยความกลัว ประเทศที่ใช้ความกลัวที่ตั้งอยู่บนสีผิว ศรัทธา หรือชาติพันธุ์ เมื่อใช้หลักการเหล่านี้บริหารประเทศจุดจบเหมือนกันหมด ถ้าไม่มีสงครามกลางเมืองก็มีสงครามกับประเทศอื่น
ส่วนระบอบประชาธิปไตยนั้นได้พิสูจน์ผ่านประวัติศาสตร์มาแล้วว่าเป็นระบบที่ดีกว่าที่จะสร้างโอกาสให้กับคนทุกคน สร้างสันติภาพ สร้างความร่วมมือ ความสุขและสร้างพื้นที่ที่รองรับความหลากหลาย ดังนั้น ประชาธิปไตยจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางหลักทางเดียวที่เหลืออยู่ของสังคมไทย
ทุกวันนี้มีคนหมดศรัทธาในประชาธิปไตยไปแล้วจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องดึงพวกเขากลับมาให้ศรัทธาระบบรัฐสภาอีกครั้ง ดังนั้น ธนาธรจะไม่เป็นนายกรัฐมนตรีของคนเสื้อแดง ไม่เป็นนายกรัฐมนตรีของคนเสื้อเหลือง แต่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน
เราคือคนที่ไม่ยอมอยู่ในสังคมที่ไม่เป็นธรรมอย่างนี้อีกแล้ว เราคือคนที่บอกว่าจะสร้างสังคมที่ดีกว่านี้ให้กับลูกหลานของเรา นี่คือเรา นี่คืออนาคตใหม่