วันนี้ (26 มี.ค.2562) จากกรณีเฟซบุ๊ก สุรวุฒิ เกิดชัย ระบุว่า ด.ญ.รินรดา เกิดชัย อายุ 7 ขวบ (หลานสาวผมเอง) เกิดเมื่อวันที่14 สิงหาคม พ.ศ.2555 พ่อกับแม่เขาต่างก็งงกันว่า ทำไมถึงมีชื่อลูกสาวปรากฏอยู่ที่บนกระดานผู้มีสิทธิ ณ หน่วยเลือกตั้งที่ 14 (ที่จอดรถหลังสำนักงานเทศบาลเมืองศรีราชา) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ขณะที่ นางสิริมา จิรกิจธนา ปลัดอำเภอศรีราชา ระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า เป็นความผิดพลาดทางระบบประมวลผลและได้ให้เจ้าหน้าที่แก้ไขแล้ว พร้อมยืนยันไม่มีการสวมสิทธิแน่นอน แต่จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง
นอกจากเด็กหญิงวัย 7 ขวบแล้ว ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก อนุสรา ผลบุญ ได้เผยแพร่ข้อความระบุว่า น้องติณณ์ เด็กชายติณณ์ภัทร ศรีวับ ครบ 3 เดือนแล้ว และได้สิทธิพิเศษ กว่าเด็กคนอื่นๆ คือ มีรายชื่อได้เลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตอนแรกนึกว่ามีคนชื่อเหมือนลูก แต่พออ่านนามสกุลพบว่าเป็นชื่อลูกจริง พร้อมระบุว่า "ติณณ์ตื่น อย่านอนหลับทับสิทธินะลูก"
นางอนุสราได้เล่าให้ไทยพีบีเอสออนไลน์ฟังว่า จดหมายแจ้งชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ได้มีรายชื่อของลูกชายอยู่ แต่เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ขณะที่ไปตรวจรายชื่อที่กระดานผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เขตเลือกตั้งที่ 2 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบว่ามีชื่อลูกชาย คือ ติณณ์ภัทร ศรีวับ อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
กังวลว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิของลูกชายในภายหลัง เพราะคนอายุ 18 ปี ถ้าไม่ไปเลือกตั้งก็อาจจะถูกตัดสิทธิบางอย่าง ส่วนลูกชายอายุเพียง 3 เดือน ไปเลือกตั้งไม่ได้ ไม่รู้จะมีผลอะไรรึเปล่า
ทั้งนี้ นางอนุสรา เตรียมเดินทางไปที่เทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับปัญหารายชื่อนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่หน่วยเลือกตั้งไม่สามารถชี้แจงได้ว่าปัญหาเกิดจากสาเหตุใด และแนะนำให้ไปสอบถามและแก้ไขข้อมูลที่เทศบาลด้วยตนเอง
กกต.แจงบัตรปลอม-บัตรเกินไม่มีจริง ขู่แชร์ข่าวปลอมผิดอาญา
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการ (กกต.) ออกเอกสารชี้แจงข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับกรณีที่มีบัตรเลือกตั้งหายหรือบัตรเลือกต้ังเกินมาเป็นจำนวนมาก โดยยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงและเป็นข่าวที่มุ่งหวังก่อให้เกิดความวุ่นวายและสับสน เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ทั้งนี้ หากมีการกระทำใส่ความ ทำให้ กกต.เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อาจเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และหากมีการส่งต่อข้อมูลท่ีมีการบิดเบือนหรือใส่ร้ายหรือปลอมหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ได้ ดังน้ัน จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลความเป็นจริงท่ี ถูกต้องจาก กกต. ก่อน โปรดอย่าหลงเชื่อข่าวลวงอันไม่เป็นความจริงที่มีการส่งต่อในขณะนี้