วันนี้ (28 มี.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายถาวร เสนเนียม พร้อมด้วย อดีต ส.ส. และผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เกือบ 30 คน อาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย , นายเจือ ราชสีห์ , นายชุมพล จุลใส , นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม , นายชัยวุฒิ ผ่องแพ้ว , นายชุมพล กาญจนะ , นายศุภชัย ศรีหล้า , นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ , น.ส.รังสิมา รอดรัศมี , นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร ,นายอนุชา บูรพชัยศรี , นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ , นายชัยชนะ เดชเดโช , นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี , น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รวมตัวกันที่โรงแรมรอยัลปริ้นเซส หลานหลวง เพื่อกำหนดท่าทีก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการนัดแรกวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.62)
นายถาวร เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้เป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และให้เล่าถึงกระบวนการรณรงค์หาเสียง ถอดบทเรียนเพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไปในวันข้างหน้า ตลอดจนการกำหนดบทบาททางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาลว่า ควรให้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่พิจารณาร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านการรับรองแล้ว แต่ก็คำนึงว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่ได้ผ่านเข้ามาก็มีความสําคัญ ที่รวมคะแนนจากทั่วทุกที่มาให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เข้าสู่สภาฯ การหารือวันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะให้อดีต ส.ส.มีบทบาทมากน้อยเพียงใด เพราะอยู่ที่ข้อบังคับด้วย
เบื้องต้นต้องยึดข้อบังคับเดิมก่อน แต่หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อประโยชน์ของพรรคและประชาชนก็ต้องมีการหารือกัน ซึ่งสุดท้ายก็อยู่ที่คณะกรรมการบริหารชุดรักษาการอยู่จะตัดสินใจดำเนินการอย่างไร
นายถาวร บอกว่า ส่วนตัวเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรสนับสนุนพรรคที่ประชาชนเลือกเข้ามามากที่สุด คือ คะแนนเสียงกว่า 7.9 ล้านคน ที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือว่าสะท้อนความต้องการของประชาชนแต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามวินัยพรรค และคณะกรรมการบริหารเองก็มีมารยาทอยู่แล้ว ที่ควรจะตัดสินใจเรื่องสำคัญร่วมกับองค์ประชุมของพรรคก็คือ ส.ส.
ส่วนกระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายถาวร บอกว่า ในการหารือด้วยกันวันนี้มีความคิดตรงกันว่า 1.) ไม่มีการทำไพรมารี่โหวต เนื่องจากยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า 2.) ไม่อยากเห็นการแข่งขันในฟลอร์ อยากเห็นการหาหัวหน้าพรรคด้วยการปรึกษาหารือแล้วได้ข้อยุติ แม้ข้อบังคับกำหนดให้คำนึงถึงผลการหยั่งเสียง แต่ข้อบังคับก็สามารถปรับเปลี่ยนหรือยกเว้นได้ตามสถานการณ์ พร้อมย้ำถึงคุณสมบัติหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่ต้องสร้างความเป็นเอกภาพและปฏิรูปพรรค ส่วนบุคคลใดมีความเหมาะสมไม่ขอให้ความเห็น
ส่วนข้อโต้แย้งว่า หากนำพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ อาจขัดเจตนารมณ์คะแนนเสียงกว่า 3 ล้านเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้หลังจาก นายอภิสิทธิ์ประกาศไม่สืบทอดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคเพื่อไทย
นายถาวร กล่าวว่า มีวิธีที่จะรู้เหตุผลของคะแนนเสียง 3 ล้านกว่าเสียง ที่ตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการให้ผู้สมัครไปคุยกับประชาชน และเป็นเรื่องปกติที่คะแนนของพรรคมีขึ้นมีลง และไม่มีใครเสียขวัญยังคงสู้ต่อไป
ส่วนกระแสข่าวว่ามีการทาบทามกับพรรคพลังประชารัฐ นายถาวรบอกว่า ไม่ทราบข่าวเรื่องนี้ ส่วนตัวยังไม่มีพูดคุยกับบุคคลใดในพรรคพลังประชารัฐและยังไม่มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะต้องการมุ่งเน้นเรื่องการปฏิรูปพรรค ขณะที่นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า มีการพูดคุยบ้างตามประสาเพื่อนกันเพื่อแสดงความยินดี แต่ยังไม่มีการชักชวนจัดตั้งรัฐบาล และย้ำว่าต้องปฏิบัติตามมติพรรค