วันนี้ (26 เม.ย.2562) กรณีนางสนธิ์ ใจผา อายุ 54 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสาร รถเมล์โดยสารประจำทาง สาย 95 อู่บางเขน-รามคำแหง ถูกชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดโปโล แขนสั้น สีแดง กางเกงขายาว ซึ่งเป็นผู้โดยสารเข้าทำร้ายร่างกาย ตบที่บริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุเกิดช่วงรามอินทรา กม.4 ถนนรามอินทรา ขาเข้า มุ่งหน้าวงเวียนบางเขน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา
จากการสอบสวนนางสนธิ์ ผู้เสียหายให้การว่า ขณะเกิดเหตุปฎิบัติหน้าที่เก็บเงินอยู่บนรถเมล์สาย 95 ขณะนั้นรถได้วิ่งมาถึงที่ป้ายรถประจำทางตลาด กม.4 รามอินทรา ชายคนดังกล่าว ขึ้นมานั่งบนรถ จึงเดินไปเก็บเงินตามปกติจากนั้นผู้โดยสารได้ยื่นเงินมาให้ 6.50 บาท
จึงได้บอกกลับไปว่าตอนนี้ค่าโดยสารขึ้นแล้วเป็น 8 บาท แต่ผู้โดยสารคนดังกล่าวกลับไม่พอใจ พร้อมง้างมือ อยู่หลายครั้ง แล้วตบลงมาที่ใบหน้า 1 ครั้ง โชคดีที่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยห้ามเอาไว้
จากนั้นผู้ก่อเหตุเห็นว่ามีผู้หญิงถ่ายคลิปอยู่ด้านล่าง จึงวิ่งลงไปหา แต่ผู้หญิงที่ถ่ายคลิปได้ขึ้นรถจักร ยานยนต์หนีได้ทัน ต่อมามีรถเมล์ สาย 95 ก ผ่านมา ผู้โดยสารคนดังกล่าว จึงรีบขึ้นรถหลบหนีได้ทันที หลังจากนั้นจึงแจ้งให้หัวหน้างานทราบถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขนทันที
ขณะเดียวกันยังทราบจากเพื่อนร่วมงานว่าก่อนหน้านี้ มีชายที่มีลักษณะตรงกับผู้โดยสารคนนี้ เคยเข้ามาทำร้ายพนักงาน ขสมก.ที่อู่รถประจำทางบางเขน มาแล้ว และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขนดำเนินคดีไปแล้ว
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ. รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กล่าวว่า พนักงานเก็บค่าโดยสาร (ขสมก.) มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.บางเขนแล้ว โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามตัวคนที่ทำร้ายพนักงานเก็บค่าโดยสาร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "ประยุทธ์" แจงปรับขึ้นค่ารถเมล์ ขสมก.แบกหนี้เยอะ
พนักงานแจ้งความ-ตามหาคนก่อเหตุ
ขณะนี้พนักงานเก็บค่าโดยสารคนดังกล่าว ยังทำงานตามปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ ขสมก. ได้สั่งการไปยังเขตการเดินรถทุกเขต เพื่อให้ซักซ้อมแต่ทำความเข้าใจถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร พร้อมเน้นย้ำกำชับพนักงานว่า หากเกิดการโต้ตอบอะไรมา อย่าไปโต้เถียง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ขอให้ประชาชนเข้า ใจถึงความจำเป็นในการปรับราคาค่าโดยสาร เนื่องจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการขนส่งทางบกกลางมีมติเมื่อเดือนธ.ค.นี้ ในการปรับค่าโดยสาร
โดยการปรับราคาครั้งล่าสุดที่ปรับไปคือเมื่อปี 2558 เนื่องจากราคาซีเอ็นจี อยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาทและมีการลอยตัวค่าก๊าซ โดย ปตท.ช่วยเรื่องราคาพลังงานโดยรับภาระไว้ 3 บาท แต่หลังจากนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ราคาพลังงานจะเพิ่ม โดยกบง.จะลอยตัวก๊าซเอ็นจีวี ปัจจุบันก๊าซเอ็นจีวีราคาอยู่ที่ 16 บาท แต่เดือนพฤษภาคมจะปรับเป็น 19 บาท ขสมก.ต้องจ่ายราคาเต็ม แต่รถร่วมฯขสมก.จะได้รับการอุดหนุนคันละ 30,000 บาท
นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่าโดยสารในครั้งนี้ได้ดูในเรื่องของเชื้อเพลิง และเรื่องของปัจจัยอื่นๆด้วย สำหรับการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารในครั้งนี้นั้น ยังยืนยันว่า ขสมก.ไม่ได้ปรับค่าโดยสารแพง เนื่องจากก่อนหน้านี้ในปี 58 ที่มีติให้รถร้อนขสมก.เก็บอัตราค่าโดยสาร 8 บาทแต่ขสมก.เก็บเพียง 6.50 บาท ซึ่งการเก็บค่าโดยสารเท่ากับอัตราในปี 2558 เพื่อเป็นค่าเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุง และค่าแรงขั้นต่ำ ดังนั้นหากไม่มีการปรับขึ้น ขสมก.ก็จะมีการแบกรับภาระไว้
ส่วนของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะปรับค่าโดยสารเป็นอัตราใหม่แล้ว ซึ่งผู้ถือบัตรอาจจะได้รับผลกระทบเนื่องจากเที่ยววิ่งลดลง อย่างไรก็ตามการปรับราคาครั้งนี้ถือว่าเป็นการปรับไม่เต็มเพดาน โดยอีกระยะจะปรับเมื่อครบปีไปแล้ว
นอกจากนี้การปรับค่าโดยสารยังมีการปรับค่าโดยสารของรถตู้โดยสารสาธารณะ รถสองแถว เนื่องจากมาตรการบังคับให้รถตู้ฯลดจำนวนที่นั่ง จาก 15 ที่นั่งเหลือ 13 ที่นั่ง และค่าซีเอ็นจี ปรับให้ 1 บาท 20 กิโลเมตรแรกไปไม่เกิน 1.20 บาท ส่วนถ้าหากเจอปรับค่าโดยสารเกินกว่ากำหนดก็สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกไปดูแลแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภาระประชาชน ! ฟ้องศาลปกครองระงับขึ้นค่ารถเมล์ 1-7 บาท
พรุ่งนี้รู้ผล! ศาลปกครองไต่สวนขึ้นค่ารถเมล์วันแรก