นั่งรถสามล้อชมสวนผลไม้ ล่องเรือชมวิวดูตะกองหรือลั้ง (กิ้งก่ายักษ์) เสน่ห์ที่ชุมชนบ้านกระแสบน จ.ระยอง รอให้ผู้คนได้มาสัมผัส ในการท่องเที่ยววิถีชุมชนโดยชุมชน หนึ่งในโครงการพัฒนากิจกรรมและเส้นทางท่องเที่ยวโดยชุมชนในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Go Ea(s)t & Go Green) โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 3 (อพท.) ร่วมกับสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) จับมือกับชุมชนร่วมกันพัฒนาขึ้น
ชุมชนบ้านกระแสบน ชุมชนเก่าแก่ที่คาดว่ามีบรรพบุรุษเป็นชาวมอญได้อพยพหนีกองทัพพม่า มาตั้งรกรากในพื้นที่ จ.ระยอง ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก พร้อมกับนำศิลปะ ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ มาผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยจนเกิดเป็นวัฒนธรรมที่สวยงามและลงตัว
ในชุมชนบ้านกระแสบน มีการจัดแสดงวิถีชุมชนทั้งการทำขนมนิ่มนวล ขนมโบราณขึ้นชื่อของชุมชนที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวสอดไส้มะพร้าว รสชาติหวาน กลิ่นหอม จูงใจนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีการสาธิตวิธีการสีข้าวโบราณให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองใช้อุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตัวเอง
จากนั้น นั่งรถสามล้อเดินทางไปต่อที่สวนผลไม้ลุงจริต กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปรับปรุงคุณภาพไม้ผลวังไทร-คลองลึก ที่มีสมาชิก 190 คน กับพื้นที่เกษตรกรรม 1,200 ไร่ ช่วยกันปลูก ดูแล พัฒนาและส่งต่อให้ลูกค้าด้วยคุณภาพคับแก้ว
นายจริต นามสนิท หัวหน้ากลุ่มวิสาหกิจ ระบุว่า กลุ่มวิสาหกิจเน้นผลิตผลไม้ส่งออกประเทศจีน เนื่องจากได้ราคาสูงและมีคนมารับถึงสวน โดยปีนี้มังคุดราคาสูงสุดของเกรดเอ อยู่ที่ 135 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 60 บาท แต่โชคดีที่แล้งนาน ทำให้คาดว่าจะได้ผลิตเพิ่มขึ้นอีก
ช่วงปี 2560 ที่ผ่านมาสภาพอากาศแปรปรวน เมื่อผลกำลังจะออกฝนก็ตกลงมาทำให้ผลผลิตลดลงจากปีละ 700 ตัน เป็น 200 ตัน แต่ปีนี้คาดว่าจะได้ผลผลิตมากถึง 1,000 ตัน เพราะไม่มีฝน
สำหรับกิจกรรมที่กลุ่มวิสาหกิจจัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวนั้น มีหลากหลายแล้วแต่ช่วงฤดู บางครั้งมีการจัดเตรียมให้นักท่องเที่ยวทำสบู่ ทำขนมและเครื่องดื่มจากผลไม้ รวมทั้งการสาธิตวิธีเก็บผลไม้ทั้งทุเรียน และมังคุดจากต้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกร จ.ระยอง จากการลงมือทำด้วยตัวเอง นอกจากนี้ กลุ่มวิสาหกิจยังพร้อมให้ความรู้ในการปลูกและดูแลทุเรียนรวมถึงมังคุด สำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษา เพื่อให้สามารถผลิตผลไม้เกรดเอได้อย่างมีคุณภาพอีกด้วย
แวะตลาดบ้านกระแสบนเลือกซื้อสินค้าอาหารทะเลตากแห้ง ผลไม้จากสวน และกระเป๋าภูมิปัญญาชาวบ้านจากวัสดุเหลือใช้ นางอุไร เพชรลือ หนึ่งในผู้ขายสินค้าในตลาด ระบุว่า ปกติตลาดจะเปิดขายสินค้าทุกวันอาทิตย์ซึ่งนับเป็นรายได้พิเศษที่เพิ่มขึ้นมาจากอาชีพรับจ้างทั่วไป
ดีใจที่มีเจ้าหน้าที่มาช่วยพัฒนา ทำให้ได้ขายสินค้าในตลาดและได้ขี่รถสามล้อนำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมชุมชน เพิ่มรายได้มาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านอยากให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะๆ จะได้เปิดตลาดได้ทุกวัน แล้วเลิกอาชีพรับจ้าง เพราะอายุมากแล้ว
หลังจากเลือกซื้อสินค้าแล้ว ได้เวลาล่องเรือชมวิวดูตะกองหรือลั้ง (กิ้งก่ายักษ์) ที่ซ่อนตัวอยู่ในกอไผ่ตลิดลำน้ำตะกอง ซึ่งเป็นกิ้งก่ายักษ์ชนิดเดียวที่พบในประเทศไทยและพบได้เฉพาะในภาคตะวันออกของประเทศเท่านั้น เนื่องจากมีถิ่นอาศัยตามธรรมชาติส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบอินโดจีนอย่าง ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
อาสาชุมชนพายเรือชมลั้ง เริ่มดับเครื่องเมื่อเรือแล่นผ่านเงาดำที่เกาะกิ่งไม้ปริ่มน้ำอยู่ ด้วยความชำนาญ ใช้ไม้พายค่อยๆ ดันเรือเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมลั้งได้ในระยะทางสายตามองเห็นได้ชัดเจนแต่ไม่ใกล้จนรบกวนลั้งที่กำลังนอนหลับอยู่บนกอไผ่
ตลอดลำน้ำตะกอง มีลั้งจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จะออกมาช่วงเย็นจนถึงค่ำ ลั้งพวกนี้มีตั้งแต่ตัวเล็กจนถึงใหญ่มาก ทำให้นักท่องเที่ยวได้ลุ้นว่าจะพบตัวลั้งลักษณะไหน บางตัวอารมณ์ดีก็ดูเหมือนจะยิ้มให้กล้องบ้าง แต่บางตัวก็หลับตลอด
อาสาชุมชนพายเรือชมลั้ง ยังได้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมชุมชนบ้านกระแสบน จ.ระยอง ด้วยตัวเอง