วันนี้ (5 มิ.ย.2562) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงจุดยืนหลังพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า การแสดงจุดยืนในขณะที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คือ การไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งหลังจากนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง จึงได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค และขอขอบคุณประชาชนเกือบ 4 ล้านคนที่เลือกผมและพรรคในขณะนั้น
ขณะที่วานนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการประชุมภายในเพื่อเลือกเส้นทางทางการเมืองและขณะนี้ทุกท่านทราบแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่า จนถึงวันนี้ยังยืนยันจุดยืนเดิม โดยมองว่าทั้งพฤติกรรมและเหตุการณ์ยังเป็นเครื่องยืนยันว่า ประเทศชาติยังต้องการให้ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต
ผมขอบอกว่าผมไม่เห็นด้วย แต่ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ ที่ผมไม่เห็นด้วย เพราะแอบหวังเล็กๆ ว่า จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น แอบหวังลึกๆ ว่าเพื่อนสมาชิกหลายคนต้องการที่จะไปช่วยเหลือประชาชน
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า แอบเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคขนาดกลาง ควรจะเป็นพรรคที่มีจุดยืน พร้อมที่จะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เป็นการถ่วงดุลในการใช้อำนาจที่เกินขอบเขต พร้อมๆ กันนี้ ยังเสียดายโอกาสที่จะมีพื้นที่ทางสายหลักของประชาธิปไตย ในวันนี้จึงต้องรักษาเกียรติภูมิในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค
ในการทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมคงไม่สามารถเดินเข้าไปในห้องประชุมแล้วลงคะแนนออกเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมทำไม่ได้ เพราะที่ยิ่งใหญ่กว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี คือ การเคารพเสียงประชาชน
"พริษฐ์" รักษาคำพูด ประกาศลาออกจากประชาธิปัตย์
ขณะที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ณ วันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้ว ว่าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ผมเชื่อว่ามีทั้งคนที่เสียใจและดีใจกับผลลัพธ์นี้ เพราะการตัดสินใจของพรรค ส่งผลกระทบต่อทิศทางของประเทศ ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ผมขอแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมได้พูดไว้กับประชาชนตลอดชีวิตทางการเมืองของผมที่ผ่านมา
สำหรับใครก็ตามใน 3.9 ล้านเสียง ที่เลือกเราเพราะหวังว่าเราจะรักษาคำพูดของหัวหน้าพรรคในช่วงเลือกตั้ง สำหรับใครก็ตามใน 3.9 ล้านเสียง ที่เลือกเราเพราะหวังว่าเราจะเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการหยุดการสืบทอดอำนาจ สำหรับใครก็ตามใน 3.9 ล้านเสียง ที่เลือกเราเพราะหวังว่าเราจะต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ สำหรับคุณลุงในชุมชนลาดพร้าว 101, คุณอาในหมู่บ้านสวนริมคลอง และอีกหลายๆ คนในเขตบางกะปิ-วังทองหลาง ที่บอกว่า จะตัดสินใจเลือกผมและพรรค ถ้าสัญญาว่าเราจะเอาจริงตามที่ประกาศไว้ว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
"ผมไม่มีคำอื่นที่จะบอกพวกท่านได้นอกจากคำว่า “ขอโทษ” ผมขอโทษที่สิ่งที่ท่านได้ ไม่ใช่สิ่งที่ท่านเลือก"
แต่ในวันที่อุดมการณ์ของผมและอุดมการณ์ของพรรคแตกต่างกัน เพื่อรักษาหลักการว่าพรรคการเมืองควรเป็นพื้นที่ที่รวบรวมคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน เพื่อลดความเสียหายที่คำพูดในอนาคตของผมอาจจะทำให้สังคมมองว่าพรรคไม่ชัดเจน และเพื่อให้พรรคถูกขับเคลื่อนโดยบุคลากรเก่งๆหลายคนที่พร้อมเป็นตัวแทนของชุดความคิดพรรคในวันนี้ ผมขอเคารพการตัดสินใจของพรรค ด้วยการยุติทุกบทบาททางการเมืองในนามพรรค และลาออกจากสมาชิกพรรค
อุดมการณ์แตกต่าง "สมชัย - ธนัตถ์" ประกาศลาออก
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหลังมีมติพรรคร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า ขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยให้โอกาสลงรับสมัครเลือกตั้ง และให้การสนับสนุนต่างๆ ทำให้มีประสบการณ์ที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย แต่เมื่อแนวทางอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน คงขออนุญาตที่จะลาออกจากสมาชิกพรรค
ขณะที่นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ยินดีที่ได้รู้จักและร่วมงานกันกับทุกท่าน และต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่เลือกผมใน เขต15 มีนบุรี/คันนายาว รวมถึงทุกคะแนนทั่วประเทศ ในเมื่อคำพูดต้องเป็นคำพูด
ผมขอยุติบทบาททางการเมืองไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ ขอเป็นกำลังใจให้ พรรคประชาธีปัตย์เสมอ และเชื่อในฝีมือของ สส และว่าที่ รมต ทุกท่านว่าจะทำคุณประโยชให้แก่ชาติบ้านเมืองได้แน่นอน
นอกจากนี้ นายพริษฐ์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.นัฏฐิกา โล่ห์วีระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 1 ก็ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย