วันนี้ (5 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต พบว่า ในระยะนี้ค่อนข้างเงียบเหงา นักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา อันเนื่องมาจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และปัญหาเศรษฐกิจโลก ทำให้ไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายหาดป่าตอง ซึ่งจะเห็นว่าเจ็ทสกีจอดรอนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ
ไม่ต่างจากภายในซอยบางลา ซึ่งเป็นย่านสถานบันเทิงถนนคนเดินในยามเย็น ค่อนข้างเงียบเหงา และเพื่อเป็นการเรียกนักท่องเที่ยวก็มีการจัดทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเครื่องดื่ม แต่ก็ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ส่วนช่วงกลางคืนที่เห็นผู้คนเต็มถนนส่วนหนึ่งก็จะเป็นพนักงานของร้านค้าหรือบาร์เบียร์ต่างๆที่ออกมาเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการ
นักท่องเที่ยวลด ผู้ประกอบการแบกรายจ่ายไม่ไหว ปิดตัวอื้อ
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ผู้บริหารบริษัทในเครือฟิโซนากรุ๊ป ซึ่งมีทั้งโรงแรมที่พัก สถานบันเทิง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ในพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของป่าตองว่า เนื่องจากในระยะนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวน้อยลง และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงค่อนข้างมาก ประมาณร้อยละ 25–30 ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของพื้นที่ป่าตอง โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจสถานบันเทิงต่างๆ พบว่า ค่อนข้างเงียบเหงาและจากการติดตามสถานการณ์ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนมือเจ้าของสถานประกอบการปีละประมาณร้อยละ 30–40 เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ที่ชัดเจนคือผู้ประกอบการที่เป็นเอสเอ็มอีเมื่อแบกรับภาระไม่ไหวก็จำเป็นที่จะต้องหยุดกิจการ
ขณะนี้มีผู้ประกอบการเช่าพื้นที่ มีผู้ประกอบการประมาณร้อยละ 30–50 ขอลดค่าเช่าและร้อยละ 30 ขอยกเลิกการเช่า ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการชะลอการต่อสัญญา สาเหตุหลักมาจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง เมื่อมีการจัดกิจกรรมก็จะมากันครั้งหนึ่งและหายไป ทำให้มีความไม่มั่นคงเรื่องรายได้ ขณะเดียวกันก็ไม่มีนโยบายในการสร้างความแข็งแรงให้กับเศรษฐกิจในช่วงระยะกลางและระยะยาว
โอดถูกเก็บภาษีซ้ำซ้อน
นายปรีชาวุฒิกล่าวต่อว่า นอกจากความไม่แน่นอนเรื่องของรายได้ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงแล้ว ยังมาเจอปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน โดยเฉพาะในส่วนของภาษีสรรพสามิต ซึ่งออกมา เมื่อเดือนกันยายน 2560 และมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบในรายละเอียดและปฏิบัติไม่ถูกต้อง โดยภาษีตัวนี้ มีการเก็บสูงถึงร้อยละ 11 และหากไม่ยื่นเสียภาษีก็จะถูกปรับถึง 2 เท่า เหมือนกับเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วให้ยิ่งแย่ไปอีก
ปกติผู้ประกอบการเองพร้อมจะจ่ายภาษีอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้มีความชัดเจน เพื่อจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเรียกผู้ประกอบการมาประชุมชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากเป็นมองว่าเป็นการเก็บซ้ำซ้อนและไม่มีความชัดเจน
ผู้ประกอบการวอนขอให้เก็บภาษีแต่พอดี
ด้าน นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า สถานบันเทิงป่าตอง ประสบปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลง เพราะเป็นช่วงหน้าโลว์ซีซั่น รวมถึงการเข้ามาเร่งรัดจัดเก็บภาษีของสรรพสามิต ซึ่งล่าสุดมีการจัดเก็บสูงถึงร้อยละ 11 จากรายได้จริง แม้ว่าจะมีการแจ้งข่าวเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ก็ควรจะประชุมชี้แจงทำความเข้าใจอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการหลายราย เข้ามาหารือ เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่ทุกคนพร้อมจะจ่ายภาษีอยู่แล้ว แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี และสามารถอยู่ได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ใช่จะเก็บภาษีอย่างเดียว เนื่องจากป่าตองหรือภูเก็ต ภาษีหลักๆ จะมาจากการท่องเที่ยวหากขาดนักลงทุนที่ดีและขาดผู้มาทำกิจการเชื่อว่าอนาคตจะเงียบเหงาแน่
ตลาดจีนหาย อินเดียมาแทน เร่งหาตลาดใกล้บ้านมาเติม
ขณะที่ นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวโดยภาพรวม ค่อนข้างน่ากังวลเล็กน้อย โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งเกาะ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน อยู่ที่ร้อยละ 55 ต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ร้อยละ 65 แต่ในบางโรงแรมอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้
แน่นอนว่าตลาดจีนหายไปจริงๆ ส่วนตลาดที่มาทดแทนคือตลาดอินเดียว ตัวเลขก็ยังไม่มากพอที่จะมาทดแทนตลาดจีน 100 % ทางสมาคมฯ พยายามจัดหาตลาดทดแทน ล่าสุดเดินทางไปทำตลาดที่ฮานอยกับโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก และกำลังมองตลาดใกล้บ้าน โดยได้หารือกัน เพื่อจัดทำแพ็คเกจราคาพิเศษ ให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
สงครามการค้าทำกระทบ ต้องเร่งทำตลาดอาเซียน
นายภูมิกิตติ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องยอมรับว่า เมื่อพูดถึงตลาดต่างประเทศไม่เฉพาะภูเก็ตเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ได้รับผลกระทบกันทั้งประเทศ เป็นผลจากการทำสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า เป็นผลกระทบแค่ช่วงเวลาหนึ่ง และสองประเทศคงจะมีการหันมาพูดคุยกัน เพราะหากรบกันก็แพ้ทั้งคู่ แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ตลาดยุโรปในช่วงไฮซีซั่น ที่จะถึงต้องมองตลาดให้ชัดว่าจะทำอย่างไร เพราะอังกฤษก็มีปัญหาเศรษฐกิจซึ่งลากยาวพอสมควร ขณะที่ฝรั่งเศสก็มีปัญหาภายในประเทศของเขาเอง
ดังนั้นจะต้องมีการติดตามสถานการณ์ของประเทศที่เป็นตลาดหลักอย่างใกล้ชิด ว่าจะสามารถทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่ตลาดที่ให้ความสนใจค่อนข้างมาก และให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือตลาดคนไทย ซึ่งเร็วๆ นี้ก็จะไปทำโรดโชว์ที่ จ.อุดรธานี กับเวียงจันทร์ ประเทศลาว และเนื่องจากเราเป็นประธานอาเซียนจึงมองตลาดอาเซียนไว้ด้วย
ถ้าผ่านไปได้ถึง ก.ย.สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
นายภูมิกิตติ์กล่าวด้วยว่า ในช่วง 2–3 เดือนนี้ มองว่า เป็นช่วงที่มีความท้าทายความเข้มแข็งอย่างยิ่งของการท่องเที่ยวภูเก็ตสิ่งที่ทางสมาคมฯสามารถทำได้คือการตลาดและการพูดคุยกับทางสถานบันการเงินว่าจะมีมาตรฐานกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรบ้างที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถยืนต่อไปได้ เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการและการจ้างงานให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของการจ้างงาน เพราะเมื่อใดที่เกิดการเลิกจ้างงานก็จะก่อให้ผลกระทบด้านสังคมและอื่นๆ ตามมา ดังนั้นหากผ่านช่วง 3 เดือนนี้ไปได้ จนถึงเดือนกันยายนนี้ภาพรวมก็น่าจะดีขึ้น