วันนี้ (12 มิ.ย.2562) ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีการตั้งกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามผ่านสื่อโซเชียล ทั้งทางเว็บไซต์ กลุ่มไลน์ หรือเพจเฟซบุ๊ก จะมีผู้ดูแลระบบ หรือแอดมิน ทำหน้าที่อับเดตเนื้อหาหรือจัดกิจกรรมประเภทต่างๆ
โดยหนึ่งในกิจกรรมที่แอดมินเพจเรื่องความสวยความงามมักนำมาใช้ดึงดูด เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิก ผู้ติดตาม หรือยอดไลค์ให้กับเว็บไซต์หรือเพจที่ตนดูแล คือ การแจกคอร์สเสริมความงาม หรือแจกบริการศัลยกรรมเสริมความงามเฉพาะจุด เช่น เสริมจมูก หรือหน้าอกฟรี กับโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิก
ทั้งนี้ขอเตือนประชาชนจะต้องระวังให้มาก พิจารณาอย่างถี่ถ้วน อย่าเห็นแก่ของฟรี เพราะสุขภาพ ร่างกายถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง การที่ไม่ได้ตรวจสอบสถานพยาบาลด้วยตนเอง ย่อมมีความเสี่ยงที่จะได้รับบริการที่ไม่ตรงกับที่แอดมินแจ้ง หรือได้รับบริการจากคลินิกเถื่อน
นอกจากประชาชนจะได้รับผลกระทบแล้วตัวของแอดมิน ที่จัดกิจกรรมในลักษณะชักจูงให้ประชานเข้ารับบริการทางการแพทย์กับสถานพยาบาลเอกชน ก็อาจจะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 ฐานโฆษณาสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เข้าข่ายโฆษณาสถานพยาบาล
ทันตแพทย์อาคม กล่าวว่า ตามประกาศ สบส.เรื่อง “หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับสถานพยาบาล” นิยามให้การกระทำไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความ เสียง ภาพ เพื่อประโยชนทางการค้าต่อสถานพยาบาลเอกชน ต้องขออนุมัติจากผู้อนุญาตก่อนจึงจะเผยแพร่ได้
ดังนั้น การที่แอดมินจัดโปรโมชั่นแจกคอร์สเสริมความงาม หรือบริการทางการแพทย์ฟรี เพื่อชักจูงให้ประชาชนเข้ารับบริการกับสถานพยาบาลเอกชน ก็จะเข้าข่ายเป็นการโฆษณาสถานพยาบาล ซึ่งจะต้องขออนุญาตกับ สบส.หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดก่อนจึงสามารถเผยแพร่ได้
หากทำโฆษณาโดยพลการจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา
ทั้งนี้ หากผู้ที่ใดต้องการรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการโฆษณาหรือประกาศของสถานพยาบาล ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพฯ สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่กรม สบส. โดยเดินทางเข้ามาด้วยตนเองหรือติดต่อทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-193-7000 ต่อ 18832 แต่หากอยู่ในต่างจังหวัดสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ