ผู้บริหารบริษัทผลิตภัณฑ์พลาสติกรายใหญ่ จากที่เคยผลิตถุงหูหิ้วที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เป็นรายได้หลัก ร้อยละ 60 เมื่อ 5 ปีก่อน ปัจจุบันเหลือสัดส่วนร้อยละ 20 ทั้งยังเริ่มปรับตัวโดยการนำเม็ดพลาสติกรีไซเคิลป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตถุงพลาสติกมากขึ้นเพื่อเพิ่มความหนาของถุงพลาสติก และหันไปผลิตถุงขยะเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการขยายธุรกิจถุงกระดาษ ถ้วยกระดาษตามความนิยม โดยเฉพาะคำสั่งซื้อลูกค้าในต่างประเทศที่ลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง
สมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทพลาสติกรายใหญ่ คาดว่าผู้ผลิตถุงหูหิ้วรายเล็กกว่าพันราย จะได้รับผลกระทบและต้องเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นแทน แต่ธุรกิจพลาสติกจะไม่หายไปทั้งหมด เพราะยังจำเป็นอยู่ และหากเทียบประโยชน์การใช้งานกับราคาแล้ว ยังไม่มีวัสดุอื่นมาแทนที่ในเวลานี้ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจผู้บริโภคให้หมุนเวียนใช้มากขึ้น เพื่อลดการผลิตลง
ตอนนี้กระแสไม่ใช่พลาสติกค่อนข้างเร็วและแรง ให้เข้ากับแนวทางดูแลสิ่งแวดล้อม เพราะเราส่งออกเป็นส่วนใหญ่ อียูเขาชัดเจนว่าภายในปี 2020 พลาสติกทุกอย่างต้องรีไซเคิลได้ ภายในปี 2025 ต้องรีไซเคิลได้ถึง 75% บริษัทจึงต้องปรับตัวให้พลาสติกที่ออกมาใช้ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ขณะที่โรดแม็ปการจัดการขยะพลาสติกที่รัฐร่วมกับภาคเอกชน ห้างร้านและอุตสาหกรรมพลาสติก มีเป้าหมายให้มีการเลิกใช้ขยะพลาสติก 4 ชนิด ภายในปี 2565 คือ ถุงพลาสติกหูหิ้ว ขนาดความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบบางใช้ครั้งเดียว และหลอดพลาสติก