วันนี้ (5 ก.ค.2562) ญาติตั้งบำเพ็ญกุศล น.ส.มรกต เจริญกิจ หรือ เฟิร์น อายุ 30 ปี ที่วัดแปดแก้ว ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลังเสียชีวิตจากการรับประทานยาลดน้ำหนัก ที่สั่งซื้อมาจากออนไลน์
นายวิสุทธ์ ม่วงเจริญ อายุ 38 ปี สามีของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ภรรยามีอาการหน้ามืดหมดสติ ตัวเองกับญาติจึงช่วยกันปั๊มหัวใจก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู จนกระทั่งช่วงบ่าย วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา มีอาการทรุดหนักและเสียชีวิตลง
แพทย์ลงความเห็นว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะจากการใช้ยาลดน้ำหนัก จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ พบว่าภรรยาสั่งยาลดน้ำหนักจากเพจแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุว่าเป็นคลินิกลดน้ำหนัก โดยสั่งซื้อมารับประทานเป็นครั้งที่ 2
สำหรับการสั่งครั้งที่ 2 ทางเพจได้แถมยากระชับต้นแขนมาให้ด้วย หลังจากกินได้ไม่กี่วัน ภรรยาก็เกิดช็อกหมดสติจนกระทั่งเสียชีวิต ขณะทำการรักษาได้ติดต่อทางแชตกับเพจคลินิกดังกล่าว ซึ่งทางเพจได้ให้ทางทนายความติดต่อมาจะช่วยเหลือชดเชยเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่ตนไม่รับ เพราะได้ปรึกษากับทางญาติ ว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าเป็นยาที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้หรือไม่
ทั้งนี้ หน้าเพจของคลินิกดังกล่าว พบว่า ได้ถูกลบไปแล้ว โดยไม่สามารสืบค้นได้ว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ เบื้องต้น ญาติเตรียมเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแล้ว
พบสาร "ลอร์คาเซริน" คาดใส่อาหารเสริมลดความอ้วน
ส่วนกรณีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก อย.และพบสารชนิดหนึ่งที่ชื่อ "ลอร์คาเซริน" ซึ่งเป็นยาควบคุมน้ำหนัก ที่ยังไม่มีจำหน่ายและไม่เคยพบมาก่อนในประเทศไทย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า สารดังกล่าวออกฤทธิ์ควบคุมความอยากอาหาร แต่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มีผลต่อหัวใจและภาวะทางจิตและประสาท
การใช้สารชนิดนี้ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น ไม่ใช้ร่วมกับยาควบคุมน้ำหนักชนิดอื่นๆ ยานี้เมื่อกินจะถูกดูดซึมได้ดีผ่านตับและขับออกทางปัสสาวะ จึงต้องระมัดระวังการใช้ในผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางตับและไต ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากมีผลต่อทารกในครรภ์
สำหรับลอร์คาเซรินที่พบการปนปลอมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย คาดว่า นำมาใช้ทดแทนไซบูทรามีน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย ซึ่งไซบูทรามีนจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 ดังนั้น จึงมีแนวโน้มการนำลอร์คาเซรินมาใช้ในทางที่ผิดสูง