วันนี้ (5 ก.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันนี้ ที่วัดพระธาตุดอยกู่แก้ว อ.แม่จัน จ.เชียงราย นักเรียนโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม อ.แม่จัน พร้อมจิตอาสาถ้ำหลวง น.ส.รวินท์มาศ ลือเลิศ หรือ "เปรม" เจ้าของร้านซักอบรีด มิสไวท์ จิตอาสาที่เคยรับซักเสื้อผ้าฟรีให้กับเจ้าหน้าที่ช่วงปฏิบัติภารค้นหาและกู้ภัยทีมหมูป่า อะคาเดมี่ ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมถึงนายสาคร โรจน์คำลือ ข้าราชการบำนาญ และนักอนุรักษ์ใน อ.แม่จัน ร่วมกันปลูกต้นไม้เป็นต้นกระบกป่า จำนวน 101 ต้น เพื่อร่วมรำลึกถึง น.ต.สมาน กุนัน หรือ จ่าแซม อดีตหน่วยซีลนอกราชการ ที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2561 หลังจากเข้าไปในตัวถ้ำหลวง ร่วมดำน้ำลำเลียงวางสายอากาศ ซึ่งเป็นภารกิจหลักร่วมกับทีมซีลในขณะนั้น
การปลูกต้นไม้ครั้งนี้ นายสาคร ระบุว่า ต้นกระบกป่า เป็นต้นไม้ประจำ จ.ร้อยเอ็ด และ น.ต.สมาน เป็นคนร้อยเอ็ด แต่มาเสียชีวิตที่ จ.เชียงราย ดังนั้น ในฐานะคนรักต้นไม้คนหนึ่ง จึงคิดว่าจะมีสิ่งใดร้อยเชื่อมเรื่องราวระหว่างคนเชียงรายกับคนร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ น.ต.สมาน ได้ จึงคิดว่าการปลูกต้นไม้ประจำ จ.ร้อยเอ็ด เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้คนเชียงราย หรือเด็กนักเรียนที่มาร่วมปลูกกันวันนี้ รวมถึงตัวนายสาครเองได้รำลึกถึงความดีงาม ความเสียสละของ น.ต.สมาน และทำในสิ่งที่ทุกคนทำได้ ไม่ต้องยิ่งใหญ่อะไร ขอแค่มีหัวใจเป็นผู้ให้ก็มีความสุขแล้วเช่นกัน เหมือนกับการปลูกต้นไม้วันนี้
นายสาคร โรจน์คำลือ
ขณะที่เด็กนักเรียนหลายคนบอกว่า ช่วงเกิดเหตุ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวง ได้ติดตามดูข่าวและเอาใจช่วยเพื่อนๆ ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ให้ปลอดภัย และได้เห็นการทำงานของผู้ใหญ่ที่ทุ่มเทเสียสละช่วยเหลือเด็กๆ ทำให้พวกเขาเห็นว่าการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดี และสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เวลาโรงเรียนมีกิจกรรมอะไร ที่ต้องการอาสาสมัคร ก็จะสมัครไปร่วมด้วย เหมือนการปลูกต้นไม้ครั้งนี้
ด.ญ.จาม งามเมือง
ด.ญ.จาม งามเมือง ตัวแทนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม ระบุว่า คุณครูชวนมาปลูกต้นไม้ โดยแจ้งให้ทราบ พอรู้ก็ตกลงใจอาสามาด้วย เพื่อนๆ ชั้น ม.3 ที่มากันวันนี้ก็ตั้งใจมาทำให้พี่แซมด้วย ได้ระลึกถึงสิ่งที่พี่แซมได้ช่วยเหลือเพื่อนๆ ทีมหมูป่าฯ
น.ส.รวินท์มาศ ลือเลิศ
น.ส.รวินท์มาศ ลือเลิศ ระบุว่า หลังจากภารกิจ 1 ปีถ้ำหลวงจนถึงขณะนี้ ความเป็นคนอาสายังพบเห็นได้ในหลายชุมชนและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ ของ อ.แม่สาย และ จ.เชียงราย โดยส่วนตัวมองว่าพลังความเป็นคนอาสา จะช่วยต่อยอดและร่วมมือกันขับเคลื่อนเรื่องราวต่างๆ ให้เดินหน้าต่อได้ และถ้าในพื้นที่เกิดวิกฤตอะไร เหมือนที่ผ่านมา
งานอาสาที่ทำด้วยหัวใจ ยังเดินหน้าต่อไป อย่างเช่นช่วงแล้ง หรือที่เห็นชัด คือผลกระทบจากฝุ่นพิษ PM2.5 การประกาศผ่านหน้าเฟซฯ ของดิฉัน เพื่อขอรับบริจาคหน้ากากป้องกันฝุ่นพิษ เมื่อมีคนบริจาคมาแล้ว เราก็นำไปประสาน - มอบให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอย่าง ปภ. หรือกู้ภัยท้องถิ่น เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือกันต่อๆ ไปได้ นี่คือการให้ที่ไม่สิ้นสุด และมีจุดเริ่มต้นจากภารกิจถ้ำหลวง ที่ทำให้ได้รู้จักคน รู้จักเครือข่ายมากขึ้น และเมื่อเกิดปัญหาใดๆ ก็นำไปสู่ความร่วมมือ หาทางออกคลี่คลายกันได้เร็วขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทอท.จัดกิจกรรมรำลึก "น.ต.สมาน" วีรบุรุษถ้ำหลวง