วันนี้ (7 ก.ค.2562) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ประธานคณะกรรมการพิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ และวีดิทัศน์จากต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย (คณะที่ 2) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Fuangrabil Nariaroj ระบุว่า มีผู้สอบถามรายละเอียดเรื่องรายการสารคดีของเกาหลีไปจับหอยมือเสือจึงขอสรุปเรื่องราวและการดำเนินการ ตามที่ได้รับชี้แจงจากทางกรมการท่องเที่ยวเพื่อทราบคร่าวๆ ดังนี้
รายการ Law of the Jungle เป็นการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้อนุมัติให้ เข้าถ่ายทำในบริเวณเกาะแหวน และเกาะมุก ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ในวันที่ 29 มี.ค. และ 1-3 เม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้ชี้แจงระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้บริษัทของทีมงานรายการทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดพร้อมแจ้งเตือนหากมีการฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายฯ ทั้งยังได้มอบหมายให้หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ จม.3 (เกาะกระดาน) เป็นผู้แทนกำกับดูแลการถ่ายทำรายการอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ภาพการจับหอยมือเสือและนำหอยมือเสือมากิน ทางเจ้าหน้าที่อุทยานหาดเจ้าไหม ติดต่อกับผู้ประสานงาน บริษัท เดอะ ซิกซ์ เอลลิเม้นท์ จำกัด ทราบว่าเป็นการถ่ายทำนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการถ่ายทำในวันที่ 2 เม.ย. บริเวณอ่าวโล๊ะอุดง เกาะมุก ม.2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง
ลักลอบจับหอยมือเสือ นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต
โดยในวันดังกล่าวต้องมีการถ่ายทำบริเวณอ่าวสบาย เกาะมุก โดยมีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ เป็นผู้แทนกำกับดูแล แต่เนื่องจากมีคลื่นลมแรงมาก ไม่สามารถถ่ายทำได้ทางทีมงานเกาหลีจึงประสานหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ให้จัดเรือเพื่อจะขอเคลื่อนย้ายทีมงาน นักแสดง กลับไปยังที่พัก
จากนั้นทางคณะแจ้งกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่ควบคุมว่า ขอยุติการถ่ายทำ แต่จริงๆ ได้แอบขึ้นเรือไปนอกพื้นที่ๆ อนุญาตให้ถ่ายทำ และไปดำน้ำจับหอยมือเสือโดยพลการ
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้แจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกันตัง ให้ดำเนินคดีในความผิดแห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แล้ว
ในส่วนของ Film Board ได้ทำการ ขึ้นบัญชีดำโปรดิวเซอร์รายการดังกล่าวไม่ให้เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยอีก และทำทัณฑ์บน บริษัทผู้ประสานงาน อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับกรณีนี้ทางโปรดิวเซอร์จงใจฝ่าฝืนกฎทาง Film Board อนุญาตให้ถ่ายทำสารคดีในส่วนของสถานที่เท่านั้น แต่ไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยเด็ดขาด
ตอนอนุญาตทางเกาหลีก็มีหนังสือยืนยันว่าจะเคารพกฎ แต่สุดท้ายก็ฝ่าฝืนจึงต้องลงโทษขั้นสูงสุดเท่าที่ทำได้คือ blacklist และดำเนินการทางกฏหมายต่อไป
ส่วนที่มีผู้สงสัยว่าทำไมแจ้งความดำเนินคดีช้า ก็ได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าที่ว่า ตอนที่คณะอยู่ในไทย ไม่มีใครทราบในส่วนของการที่แอบไปบันทึกเทปนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต (ตอนจับหอยมือเสือ) จนกระทั่งมีเทปรายการออกที่เกาหลี จึงทราบ และได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี
เปิดหนังสือขออนุญาต ถ่ายรายการ ระบุชัด ไม่ล่าสัตว์ในไทย
ทั้งนี้ นายนริศโรจน์ ยังได้แนบรูปภาพหนังสือขออนุญาตถ่ายทำรายการ Law of the Jungle ของโปรดิวเซอร์โช ยองแจ ซึ่งมีข้อความ ระบุว่า ขออนุญาตเข้าถ่ายทำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. - 3 เม.ย. และพร้อมจะปฏิบัติตามข้อตกลงดังนี้
1.จะไม่มีการถ่ายทำและการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในประเทศไทย
2.ทางรายการมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของเนื้อหาโดยจากตอนแรกที่มีการกำหนดให้ผู้เข้าร่วมรายการใช้ชีวิตและค้างคืนในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อถ่ายทำและนำเสนอภาพการเดินทางและการทำกิจกรรมต่างๆ
โดยหลังจากถ่ายทำกิจกรรมต่างๆ แล้วเสร็จ ทีมงานและผู้เข้าร่วมรายการทุกคนจะออกไปค้างคืนที่เกาะลิบงในพื้นที่ส่วนตัว และจะไม่พักค้างคืนในพื้นที่เป็นของอุทยานแห่งชาติ
แม้ว่าในหนังสือขออนุญาตเข้าถ่ายทำจะมีการระบุไว้ชัดเจนว่า จะไม่ล่าสัตว์ในประเทศไทย แต่ในรายการ Law of the Jungle ก็ได้มีการจับหอยมือเสือซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และอยู่ในบัญชีไซเตสขึ้นมาจากทะเลเพื่อประกอบอาหารรับประทาน
นอกจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ล่าสุด นายนริศโรจน์ ระบุว่า กรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ้งจับรายการ Law of The Jungle กิน "หอยมือเสือ" สัตว์คุ้มครอง
“Law of the Jungle” ขอโทษอย่างเป็นทางการ ปมจับหอยมือเสือ
"หอยมือเสือ" สัตว์ป่าคุ้มครองเสี่ยงสูญพันธุ์ในบัญชีไซเตส